ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,200 ล้านบาท “บ. การบินไทย” ที่ระดับ “A+/Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 6, 2014 17:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,200 ล้านบาทของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังคงเป็น “ลบ” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้ที่ใกล้ครบกำหนดไถ่ถอนและใช้เป็นทุนสำหรับการดำเนินงาน โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศในเส้นทางการบินของประเทศไทยและประโยชน์จากการเป็นสมาชิก Star Alliance ซึ่งเป็นเครือข่ายพันธมิตรสายการบินที่ใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีภาระหนี้ที่ค่อนข้างสูง ตลอดจนความเสี่ยงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวน ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ และการแข่งขันที่รุนแรง โดยอันดับเครดิตยังได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่บริษัทเป็นรัฐวิสาหกิจและสายการบินแห่งชาติ ปัจจุบันกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 51% ณ เดือนกันยายน 2556 โดยสถานะการเป็นรัฐวิสาหกิจยังรวมถึงการถือหุ้นในสัดส่วน 2.1% ของธนาคารออมสินด้วย ในขณะที่หุ้นของบริษัทในสัดส่วน 15.4% ที่ถือโดยกองทุนวายุภักษ์นั้นจัดเป็นการถือหุ้นโดยผู้ลงทุนภาคเอกชนแม้กองทุนวายุภักษ์จะได้รับการจัดตั้งโดยกระทรวงการคลังเพื่อลงทุนในรัฐวิสาหกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงอัตรากำไรของบริษัทที่ปรับลดลงเนื่องจากต้นทุนที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากอัตรากำไรของบริษัทยังคงอยู่ในระดับต่ำและ/หรืออัตราความสามารถในการชำระหนี้ อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจการบินระหว่างประเทศของไทยเอาไว้ได้ และบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่อไปโดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ บริษัทการบินไทยเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเซียซึ่งให้บริการการบินคุณภาพสูง บริษัทพยายามเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับกลางทั้งในเส้นทางการบินภายในประเทศและในภูมิภาคเอเชีย บริษัทจึงได้เปิดให้บริการสายการบินระดับกลางภายใต้ชื่อ “ไทยสมายล์” ในช่วงกลางปี 2555 ซึ่งเป็นสายการบินอีกทางเลือกหนึ่งที่เน้นการให้บริการในเส้นทางบินพิสัยใกล้ โดย ณ เดือนกันยายน 2556 บริษัทให้บริการเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ณ สนามบินปลายทาง 68 แห่งทั่วโลก ด้วยเที่ยวบินจำนวน 655 เที่ยวต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นในสัดส่วน 39.2% ใน บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำรายสำคัญในประเทศไทยด้วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น 22.0% เป็น 19.49 ล้านคน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทลดลงจากระดับ 76.7% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เป็น 75.2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เนื่องจากความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 8.5% สู่ระดับ 63,415 ล้านที่นั่ง-กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ในด้านการขายนั้น ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารของบริษัทเพิ่มขึ้น 6.4% สู่ระดับ 47,683 ล้านคน-กิโลเมตร แม้จะมีการเดินประท้วงรัฐบาลซึ่งเริ่มในเดือนพฤศจิกายน 2556 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเพิ่มขึ้น 11.6% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทกลับปรับตัวลดลง 5.2% สู่ระดับ 71.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อัตราส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ลดลงจากระดับ 54.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 เป็น 50.3% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลักตั้งแต่ปี 2553 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อัตรากำไรของบริษัทกลับผันผวนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานปรับตัวลดลงอย่างมากในปี 2554 และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 โดยในปี 2554 อัตราส่วนกำไรปรับลดลงเนื่องจากต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นและผลกระทบของมหาอุทกภัยในไตรมาสสุดท้ายของปี ส่วนการปรับตัวลดลงของอัตรากำไรของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 มาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเป็นปัจจัยหลักโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการขายและโฆษณา ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่าปรับราคาลงเล็กน้อยในปี 2556 นอกจากนี้ การต่อสู้ทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 และออกประกาศเตือนประชาชนของตนในหลาย ๆ ประเทศที่จะเดินทางมาประเทศไทย หากยืดเยื่อเป็นระยะเวลายาวนานจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2557 นอกจากนี้ทริสเรทติ้งยังมีความกังวลอย่างมากต่อต้นทุนที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอันดับเครดิตจะได้รับผลกระทบทางลบอย่างมากหากในปี 2556 อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลข 1 หลักมากทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายและปรับปรุงผลการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนคุณภาพความน่าเชื่อถือของบริษัท ทั้งนี้ จากสถิติในอดีตพบว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากวิกฤตการณ์ในแต่ละครั้งได้รับการแก้ไข ดังนั้น หากความตึงเครียดทางการเมืองจบลงภายในครึ่งแรกของปี 2557 ผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจะอยู่ในวงจำกัด สภาพคล่องของบริษัทอ่อนแอลง โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายก็ปรับตัวลดลง 4.3 เท่าในปี 2555 เป็น 2.9 เท่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 ส่วนอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมปรับตัวลดลงจากระดับ 15.5% ในปี 2555 สู่ระดับ 11.4% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทเข้าสู่ช่วงลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของฝูงบิน ดังนั้น อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจึงเพิ่มขึ้นจาก 70.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 เป็น 76.6% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 โดยในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะรับมอบเครื่องบินจำนวน 36 ลำ โดยเครื่องบินจำนวน 21 ลำเป็นการเช่าดำเนินงาน และอีก 15 ลำเป็นการเช่าทางการเงิน ผลการดำเนินงานของบริษัทคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากได้รับมอบเครื่องบินใหม่เนื่องจากการใช้งานเครื่องบินใหม่จะเกิดผลประโยชน์หลายประการ เช่น ปริมาณการใช้น้ำมันและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่ลดลง ทั้งนี้ คาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดในปี 2557 โดยทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะมีแผนลดภาระหนี้ในระยะปานกลาง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) อันดับเครดิตองค์กร: A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: THAI14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A+ THAI155A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+ THAI165A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+ THAI16DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+ THAI17OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+ THAI185A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,555 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+ THAI185B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,445 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+ THAI185C: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+ THAI188A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+ THAI192A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+ THAI19OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+ THAI208A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+ THAI215A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 833 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+ THAI215B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,167 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+ THAI222A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+ THAI22OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+ THAI238A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+ THAI243A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+ หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2567 A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ