กรุงเทพฯ--10 ก.พ.--ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาเก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์
ไออีซี ส่งหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. เรียกร้องให้พิจารณาทบทวนและให้ความเป็นธรรมกับบริษัทฯ พร้อมส่งหนังสือขอทราบนโยบายและแนวทางแก้ไขปัญหาของ อสมท. เกี่ยวกับมติของ กสท.ที่พิจารณาว่าการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ ให้แก่ ไออีซี เป็นการกระทำที่ไม่ชอบและได้สั่งการให้ บมจ. อสมท. คืนคลื่นความถี่ให้ กสทช. ภายใน 5 ปี ลั่นหากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะดำเนินการตามกฎหมายเรียกร้องค่าเสียหายจาก บมจ. อสมท.
ดร.ภูษณ ปรีย์มาโนช ประธานกรรมการบริษัทอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (ไออีซี) เปิดเผยว่า กรณีที่ได้ปรากฎมีข่าวเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ว่าที่ประชุมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. มีมติเกี่ยวกับการพิจารณากรณีการดำเนินกิจการโทรทัศน์ในระบบ DVB – T/H ช่อง 58 บนคลื่นความถี่ UHF ระหว่าง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กับไออีซี โดยพิจารณาว่าการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ ช่อง 58 ของกรมไปรษณีย์โทรเลขแก่องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยในขณะนั้น (ปัจจุบันคือ บมจ. อสมท.) สำหรับใช้ในการเสริมจุดบอดการรับโทรทัศน์ในเขตกรุงเทพฯ แต่ บมจ. อสมท.นำไปใช้ในการให้บริการโทรทัศน์ระบบ DVB – T/H ซึ่งเป็นระบบดิจิตอลนั้นเป็นการให้บริการโทรทัศน์ประเภทอื่นนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตอยู่เดิม จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ กสทช. จึงได้สั่งการให้ บมจ.อสมท. ดำเนินการแก้ไขการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาต
เกี่ยวกับประเด็นนี้ ดร.ภูษณ กล่าวว่า “บริษัทฯ อยู่ในฐานะของคู่สัญญากับ อสมท. ซึ่ง อสมท.ได้ว่าจ้างบริษัทฯ ให้เป็นผู้ดำเนินการบริหารและทำการตลาดในกิจการโทรทัศน์ระบบ DVB – T/H บนคลื่นความถี่ UHF ช่อง 58 โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วเป็นจำนวนเงินกว่า 200 ล้านบาท ดังนั้นในฐานะที่บริษัทฯ เป็นบริษัทมหาชนจำกัด และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่มีจำนวนร่วม 2 หมื่นคน ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปจะต้องได้รับความเสียหายโดยมูลเหตุแห่งการกระทำความผิดที่บริษัทฯ มิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น บริษัทฯ จึงใคร่ขอให้ กสท. พิจารณาทบทวนและให้ความเป็นธรรมแก่บริษัทฯ ด้วย”
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ส่งหนังสือขอทราบนโยบายของ บมจ. อสมท. เกี่ยวกับกรณีมติของ กสท. และแนวทางแก้ไขปัญหาของ อสมท. ว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป เพื่อเป็นการเยียวยาต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามสัญญาฯ โดยได้ลงทุนในโครงการนี้ไปแล้วเป็นมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท
“เราขอเรียกร้องให้ อสมท. ชี้แจงแก่บริษัทฯ โดยด่วนที่สุดภายใน 15 วันนับจากวันนี้ มิฉะนั้นแล้ว บริษัทฯ ในฐานะบริษัทมหาชนจำกัดและเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำเป็นจะต้องปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น โดยการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายเพื่อเรียกเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อไป” นายภูษณ กล่าวทิ้งท้าย