กรุงเทพฯ--17 ก.พ.--โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
- ถือเป็นผลงานของไตรมาสแรกที่สูงสุด นับตั้งแต่ปี 2552
- 3 ใน 4 ของธุรกิจหลักโชว์ผลงานยอดเยี่ยม
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (“TTA”) ประกาศผลกำไรสุทธิ 250 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานระหว่าง 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2556 ซึ่งเป็นผลประกอบการสำหรับไตรมาสหนึ่งที่สูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ 2552 โดย 3 ใน 4 ของธุรกิจหลัก ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (“เมอร์เมด”) บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง สิงคโปร์ (“โทรีเซนชิปปิ้ง”) และบริษัท บาคองโค จำกัด (“บาคองโค”) มีผลงานที่ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (“UMS”) ยังคงมีผลขาดทุนสุทธิ 35 ล้านบาท อันเนื่องมาจากความพยายามในการปรับโครงสร้างเงินทุนให้เกิดความสมดุล และสถานภาพทางการเงินให้แข็งแรงขึ้น
เมอร์เมด มาริไทม์
ผลประกอบการในไตรมาส 1/2557 ถือเป็นผลประกอบการไตรมาสหนึ่งที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปีสำหรับเมอร์เมด โดยพลิกจากผลขาดทุนสุทธิ 2 ล้านบาทในปีที่แล้วมาเป็นกำไรสุทธิที่ 238 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการทำผลงานที่ดีขึ้นในธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลและธุรกิจเรือขุดเจาะ
ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลของเมอร์เมดมีผลงานที่ดีขึ้น โดยรายได้เติบโตขึ้นจากปีก่อน 71% เนื่องจากมีสัญญาจ้างงานที่มีผลตอบแทนสูงจำนวนมากขึ้น ซึ่งส่งให้กองเรือของเมอร์เมดได้รับอัตราค่าจ้างรายวันที่เพิ่มสูงขึ้น และอัตราการใช้ประโยชน์เพิ่มจากปีก่อนที่ 51% มาเป็น 74% ในไตรมาสนี้
สำหรับธุรกิจเรือขุดเจาะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากส่วนแบ่งผลกำไรที่สูงขึ้น โดยพลิกจากผลขาดทุนที่ 11 ล้านบาทมาเป็นกำไร 234 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพราะเรือขุดเจาะสามขาทั้งสามลำของบริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง (“AOD”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่เมอร์เมดมีหุ้น 33.8% ได้เริ่มให้บริการตามสัญญาว่าจ้างงานระยะเวลา 3 ปีที่ทำไว้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุดิอาระเบีย
โทรีเซน ชิปปิ้ง
กำไรสุทธิของโทรีเซน ชิปปิ้งโต 490% มาอยู่ที่ 117 ล้านบาท นับเป็นกำไรสุทธิของไตรมาสแรกที่สูงสุดในรอบ 3 ปี โดยเป็นผลมาจากอัตราค่าจ้างรายวันที่สูงขึ้น โครงสร้างต้นทุนค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ รายได้จากค่าระวางเรือที่โทรีเซนชิปปิ้งได้รับเพิ่มขึ้นจาก 7,542 เหรียญสหรัฐต่อวันมาเป็น 10,466 เหรียญสหรัฐต่อวันในไตรมาสนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองเริ่มที่จะฟื้นตัวจากการตกต่ำมาเป็นระยะเวลานาน ส่วนค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของเรือลดลงมาอยู่ที่ 4,057 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยทั่วไปของตลาดที่ 5,121 เหรียญสหรัฐต่อวัน ในขณะที่ต้นทุนโดยรวมลดลงจากปีก่อนที่ 9,822 เหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ 7,806 เหรียญสหรัฐในไตรมาสนี้
โดยสรุป โทรีเซนชิปปิ้งมีกำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงขึ้นถึง 237% จาก 86 ล้านบาทในปีก่อนมาเป็น 289 ล้านบาทในไตรมาสนี้
UMS
ในช่วงเริ่มไตรมาสแรกของปี 2557 UMS พยายามที่จะปรับโครงสร้างเงินทุนให้เกิดความสมดุล และเพิ่มความแข็งแรงให้กับสถานภาพทางการเงิน จึงหันกลับมาเร่งระบายถ่านหินขนาด 0-5 มม อีกครั้ง ทำให้สัดส่วนในการขายถ่านหินขนาด 0-5 มม. ซึ่งเป็นถ่านหินที่มีกำไรน้อยเพิ่มขึ้นจาก 22% ในปีก่อนมาเป็น 56% ในไตรมาส 1/2557 อย่างไรก็ดี การกลับมาระบายถ่านหินขนาดเล็กประกอบกับกระบวนการด้านโลจิสติกส์ที่ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ได้ส่งผลกดดันต่อผลกำไร ทำให้ UMS มีผลขาดทุนสุทธิที่ 35 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ UMS ยังคงเดินหน้าเจรจากับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อหาหนทางในการทำให้บริษัทสามารถกลับมาขนส่งทางน้ำได้อีกครั้ง เพื่อให้กระบวนการด้านโลจิสติกส์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
บาคองโค
บาคองโคยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24% มาอยู่ที่ 88 ล้านบาท ธุรกิจปุ๋ยและคลังสินค้ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยธุรกิจปุ๋ยสามารถสร้างอัตราผลกำไรที่สูงขึ้นจากการจัดหาวัตถุดิบด้วยราคาต้นทุนที่ต่ำลง และเพิ่มกิจกรรมด้านการตลาดในประเทศที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ธุรกิจคลังสินค้าก็ทำผลงานได้ดีกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวคลังสินค้าบาคองโคหมายเลข 5 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556
สรุปผลประกอบการในไตรมาส 1/2557
กำไรสุทธิของ TTA เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 311% มาอยู่ที่ 250 ล้านบาท รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 26% มาอยู่ที่ 5,297 ล้านบาท และกำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ TTA ซึ่งเป็นการวัดกำไรเงินสดเพิ่มขึ้น 138% มาอยู่ที่ 1,093 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการปรับตัวดีขึ้นของอัตราผลกำไรในธุรกิจหลักต่างๆ และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งผลกำไรอย่างมีสาระสำคัญจากผลการดำเนินงานของ AOD
แนวโน้ม
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จในการพยายามสร้างอัตราผลกำไรที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็สามารถบริหารจัดการโครงสร้างต้นทุนในทุกหน่วยธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวโน้มที่เหลือของปี 2557 และปีต่อไปๆ ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยเราคาดว่า กิจกรรมสำรวจในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แนวโน้มการฟื้นตัวในธุรกิจชิปปิ้ง ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจในเวียดนามจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ TTA ในอนาคต และถึงแม้ว่า เงินบาทจะอ่อนค่าลงในช่วงนี้ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ TTA เนื่องจากรายได้ของเราเกือบ 80% อยู่ในรูปสกุลเงินสหรัฐ”
“เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกสำหรับแนวโน้มของธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง ในขณะที่ความต้องการใช้งานบริการสำรวจและผลิตจากบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เราพยายามที่จะหาสัญญาจ้างงานระยะยาวที่ให้อัตราผลกำไรสูงต่อไป ทั้งนี้ เมอร์เมดเพิ่งจะสั่งต่อเรือขุดเจาะท้องแบนสองลำและเรือซ่อมบำรุงอีกหนึ่งลำ เพื่อให้บริษัทมีเรือเพียงพอที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยเรือทั้งสามลำกำหนดส่งมอบในช่วงปี 2559 ในขณะเดียวกัน เราก็มองเห็นโอกาสในการเติบโตสำหรับโทรีเซน ชิปปิ้ง เนื่องจากในเดือนมีนาคมนี้ เราจะได้รับเงินทุนจากการที่ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนเข้ามา ซึ่งเราหวังที่จะใช้เงินดังกล่าว สำหรับขยายกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้เพิ่มสูงถึง 30 ลำ หากสถานการณ์ตลาดเรือมือสองเอื้ออำนวยและความดึงดูดของการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การลงทุนของกลุ่ม TTA”
“สำหรับ UMS สิ่งที่เราให้ความสำคัญเร่งด่วน คือการทำให้คลังสินค้าที่สมุทรสาครสามารถกลับมาดำเนินการด้านโลจิสติกส์ได้อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกันเราก็มองหาหนทางที่จะเพิ่มรายได้ ด้วยการส่งถ่านหินไปขายยังตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ส่วนบาคองโคถึงแม้ว่าจะทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ แต่เราก็ยังคงมองหาหนทางที่จะทำให้ธุรกิจปุ๋ยและธุรกิจคลังสินค้าเติบโตขึ้นอีก โดยในช่วงไตรมาสสามที่จะถึงนี้ เราจะเพิ่มสายการผลิตปุ๋ยชนิดเม็ด ซึ่งคาดว่าน่าจะมีกำลังผลิตได้ประมาณ 100,000 ตัน”