กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) แถลงวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้ปรับแผนกลยุทธ์ธุรกิจ 10 ปี ใหม่ โดยตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตให้ถึง 9,700 เมกะวัตต์จากปัจจุบันมีกำลังผลิตติดตั้ง 6,543 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างมูลค่ากิจการให้ถึง 280,000 ล้านบาทภายในปี 2566 ทั้งนี้ แผนดังกล่าวจะเน้นลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักในประเทศ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งเป้าหมายการลงทุนนอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว ยังได้มุ่งเน้นในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศอื่นในเอเชียแปซิฟิก
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนกลยุทธ์ธุรกิจ ฉบับใหม่ ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อปลายปีที่แล้วจะเป็นกรอบที่กำหนดทิศทางสร้างการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะเวลา 10 ปีนับจากนี้ไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นบริษัทพลังงานครบวงจรชั้นนำที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถในการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้แก่ ประเทศในกลุ่มอาเซียน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งวางทิศทางการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องขยายไปสู่ธุรกิจสายส่ง การจัดจำหน่ายไฟฟ้า และการจัดหาเชื้อเพลิงด้วย
“ตามแผนกลยุทธ์ใหม่ บริษัทฯ ต้องสร้างมูลค่ากิจการให้เพิ่มขึ้นเป็น 280,000 ล้านบาทในปี 2566 จากปัจจุบันที่ 116,000 ล้านบาท เทียบเป็นกำลังการผลิตที่จะต้องลงทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 9,700 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นประมาณ 3,157 เมกะวัตต์จากปัจจุบัน โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นที่โครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันก็ขยายกำลังผลิตจากพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในออสเตรเลียที่มีศักยภาพมาก รวมถึงหาโอกาสการลงทุนในตลาดอาเซียน และตลาดใหม่ๆในเอเชีย แปซิฟิก สำหรับรูปแบบการลงทุนจะมีทั้งการพัฒนาโครงการใหม่และการเข้าซื้อกิจการ เพื่อรักษากระแสเงินสดของบริษัทฯให้มีความสม่ำเสมอและมั่นคง สำหรับปี 2557 บริษัทฯ อยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย กำลังผลิตติดตั้ง 410 เมกะวัตต์ใน สปป. ลาว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2561 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาและพัฒนาโครงการใหม่อีก 5 โครงการ ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 30 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังผลิตติดตั้ง 300 เมกะวัตต์ ในสหภาพเมียนมาร์ และโครงการพลังงานทดแทน 2 โครงการในออสเตรเลีย คือ โครงการ Collinsville Solar PV กำลังการผลิต 23 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลม Collector Wind Farm กำลังการผลิตติดตั้ง 165 เมกะวัตต์ ซึ่ง 2 โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2558 และ 2559 ตามลำดับ” นายพงษ์ดิษฐ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 53,493 ล้านบาท และกำไรสำหรับปี จำนวน 6,187 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 4.27 บาท ส่วนสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 มีจำนวน 88,903 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังผลิตติดตั้งทั้งที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ รวม 6,543 เมกะวัตต์ จากการลงทุนในโครงการต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ แบ่งตามโครงสร้างธุรกิจใหม่ คือ โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักในประเทศขนาดใหญ่และขนาดเล็ก กำลังผลิตติดตั้งรวม 4,834.05 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานทดแทนในประเทศ กำลังผลิตรวม 102.45 เมกะวัตต์ และโครงการในต่างประเทศ กำลังผลิตรวม 1,606.02 เมกะวัตต์