กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
พฤกษา เรียลเอสเตท โชว์ผลประกอบการปี 2556 ยอดเยี่ยม เติบโตเพิ่มขึ้นเกินเป้าหมายทั้งยอดขาย รายได้และกำไรสุทธิ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 21 ปี โดยมียอดขายรวม 41,282 ล้านบาท รายได้รวม 39,041 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,801 ล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แถลงถึงผลประกอบการประจำปี 2556 ว่า “ปี 2556 นับเป็นปีทองของบริษัทฯ เพราะผลการดำเนินธุรกิจในทุกด้านประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย ทั้งในด้านยอดขาย รายได้และกำไรสุทธิ เติบโตขึ้นจากปีก่อน และ สูงที่สุดในรอบ 21 ปี โดยมียอดขาย 41,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มียอดขาย 29,397 ล้านบาท รายได้รวม 39,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 44% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้รวม 27,141 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 49% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 3,898 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการที่เติบโตมากนี้ มาจากการปรับกลยุทธ์และการปรับโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทฯ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายตลาดในแต่ละกลุ่มสินค้าได้ดีขึ้น การบริหารงานมีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากรายได้ในไตรมาส 4 ที่พุ่งสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ถึง 40%”
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ เปิดเผยว่า “รายได้รวมของบริษัทฯ 39,041 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 38,848 ล้านบาท และรายได้อื่นๆอีก 193 ล้านบาท โดยมาจากการบริหารการก่อสร้างของบริษัทฯ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโรงงานพฤกษา พรีคาสต์ ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถใช้กำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ และมีการนำระบบการก่อสร้างบ้านที่มีคุณภาพ (Real Estate Manufacturing :REM) มาใช้ในการก่อสร้างเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2556 ได้เป็นจำนวนถึง 16,969 ยูนิต แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 13,169 ยูนิต และคอนโด 3,800 ยูนิต ซึ่งนับเป็นสถิติยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่สูงสุดของบริษัทฯ และคาดว่าจะสูงที่สุดในวงการ โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่โอนกรรมสิทธิ์ได้ 12,283 ยูนิต”
“ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2556 เติบโต 4% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยเฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล มีมูลค่าประมาณ 348,536 ล้านบาท สำหรับในปี 2557 นี้คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัย จะเติบโตในกรอบแคบๆ ใกล้เคียงกับปี 2556 แต่หากเกิดผลกระทบด้านปัจจัยลบต่าง ๆ และสถานการณ์มีความรุนแรง คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัย อาจจะชะลอตัวประมาณ -2% อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯ ได้มีการเตรียมพร้อมและมีความสามารถในการปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับสถานการณ์ต่่างๆ และการเลือกจับกลุ่มลูกค้าที่เป็น Real Demand จึงเชื่อมั่นว่าในปีนี้บริษัทฯ จะยังคงรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นเพื่อเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจลูกค้า ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ เน้นพัฒนาโครงการในแนวราบ คือ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ เป็นหลักประมาณ 80% รวมทั้งขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าระดับ กลาง–สูง และขยายโครงการไปในต่างจังหวัดมากขึ้น” นายทองมา กล่าวเสริม