กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน
“ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง” หรือ Software Defined Anything (SDx) เป็นหนึ่งในเทรนด์เทคโนโลยีแห่งปีที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ในมุมกว้างแนวคิดเรื่อง Software Defined Anything นั้นหมายถึงการนำซอฟต์แวร์พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อมาทำหน้าที่ควบคุม กำหนดวิธี และติดตามการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งช่วยประงานงานระหว่างกลุ่มทรัพยากรทางด้านไอทีที่มีอยู่ภายในองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายธีระ กนกกาญจนรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก กล่าวว่า “แม้ว่าแนวคิดนี้จะยังใหม่และต้องอาศัยเวลาสำหรับการตอบรับจากภาคธุรกิจ แต่ผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมไอซีทีโลกต่างให้ความสำคัญและมีความเห็นตรงกันว่า SDx จะเป็นรูปแบบการบริหารจัดการทรัพยากรไอทีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน หลายบริษัทได้เริ่มต่อยอดแนวคิดนี้เข้าไปในส่วนของ Product Development อาทิเช่น เครือข่ายเน็ตเวิร์ค Software Defined Network (SDN) และหน่วยจัดเก็บข้อมูล Software Defined Storage (SDS) ซึ่งทำให้ภาพรวมในอนาคตอันใกล้เราจะได้เห็น “ศูนย์ข้อมูลที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์” หรือ Software Defined Data Center (SDDC) อย่างแน่นอน”
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา SDDC ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้นำนวัตกรรมทางไอซีที โดยมีบริษัทชั้นนำเช่น EMC, VmWare, TrendMicro, และ Cisco เป็นผู้นำด้านการพัฒนาแนวคิด จึงเป็นที่คาดว่า SDDC จะยังคงเป็นเทรนด์หลักของอุตสาหกรรมไอซีทีในปีต่อๆไป”
อย่างไรก็ตาม นายธีระ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ขณะเดียวกันโจทย์ของภาคธุรกิจกลับเป็นเรื่องความกังวลในด้านการปรับโครงสร้างองค์กร และหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของ CIO ทีมงานผู้ดูแลด้านเทคนิคไอที และหน่วยธุรกิจผู้เป็นเจ้าของ Business Application ต่างๆ ในองค์กร”
“บุคลากรในตำแหน่งเหล่านี้ล้วนต้องปรับรูปแบบการทำงานและบทบาทหน้าที่ โดยเน้นการเป็นผู้นำนวัตกรรมในองค์กรและนำผลประโยชน์ที่ได้รับจากความคล่องตัวทางด้าน IT มาใช้ให้เกิดผลตอบแทนทางธุรกิจให้ได้มากที่สุด”
“สิ่งที่ทำให้ SDDC แตกต่างจากการใช้งานระบบ Cloud ที่ให้บริการแบบ Infrastructure-as-a-Service คือความสามารถในการรองรับทั้งระบบซอฟท์แวร์บริหารองค์กรแบบเก่า (Legacy Enterprise Application) แอฟพลิเคชั่นบนคลาวด์แพลตฟอร์ม (Cloud based Application) ซึ่งซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในองค์กรจำนวนมากไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานบน Cloud Platform และหลายหน่วยงานก็ยังไม่พร้อมที่จะรื้อเพื่อทำระบบใหม่ SDDC จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ทำให้เราสามารถนำความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการใช้งานแบบ Cloud Computing มาเพิ่มศักยภาพให้กับแอฟพลิเคชั่นแบบดั้งเดิมภาย ในองค์กรได้” นายธีระกล่าว