ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท “บ. ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่ระดับ “BBB-” พร้อมเปลี่ยนแนวโน้มเป็น “Stable” จาก “Negative”

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 20, 2014 12:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาทของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB-” โดยบริษัทวางแผนจะนำเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้และขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น เป็น “Stable” หรือ “คงที่” จากเดิม “Negative” หรือ “ลบ” ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความยืดหยุ่นทางการเงินที่ดีขึ้นภายหลังการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยเพิ่มความสามารถของบริษัทในการปรับใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจภายใต้ความท้าทายที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าไม่ปรับตัวดีขึ้นตามประมาณการ อันดับเครดิตของบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการโทรคมนาคมที่มีเทคโนโลยีโครงข่ายสื่อสารที่หลากหลาย ตลอดจนความแข็งแกร่งทางการตลาดในธุรกิจอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband) และธุรกิจโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก รวมทั้งความคาดหวังว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจะยังคงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจหลัก รวมถึงค่าใช้จ่ายและการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมากเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และภาระหนี้จำนวนมากของบริษัท บริษัทก่อตั้งในปี 2533 และมีธุรกิจหลัก 3 กลุ่มซึ่งประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจทรูออนไลน์ (TrueOnline) ซึ่งให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ กลุ่มธุรกิจทรูโมบาย (True Mobile) ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกลุ่มธุรกิจทรูวิชั่นส์ (TrueVisions) ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก บริษัทมีรายได้ในปี 2555 อยู่ที่ 8.94 หมื่นล้านบาท โดยธุรกิจทั้ง 3 กลุ่มสร้างรายได้ให้บริษัทในสัดส่วน 26% 63% และ 11% ตามลำดับ ในขณะที่สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 60% 29% และ 12% ตามลำดับ บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของกลุ่มทรูออนไลน์สะท้อนจากสัดส่วนทางการตลาดทั่วประเทศจากรายได้การให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงประมาณ 39% และในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลประมาณ 68% บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกรายใหญ่ที่สุด รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในลำดับที่ 3 ของประเทศด้วย ณ เดือนกันยายน 2556 กลุ่มธุรกิจทรูวิชั่นส์มีลูกค้าที่เป็นสมาชิกรายเดือนประมาณ 747,000 ราย และที่ไม่เป็นสมาชิกรายเดือนประมาณ 1.6 ล้านราย ส่วนกลุ่มทรูโมบายมีสัดส่วนรายได้ทางการตลาดจากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ที่ประมาณ 16% ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายจะให้การสนับสนุนแก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ณ เดือนสิงหาคม 2556 เครือเจริญโภคภัณฑ์มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทประมาณ 63% สถานะทางการเงินของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้ง บริษัทมีรายได้ที่เติบโตในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 อยู่ที่ 9% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การลงทุนในโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูโมบาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในกลุ่มทรูโมบายและกลุ่มทรูวิชั่นส์ทำให้อัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย/รายได้) ของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 18.1% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เปรียบเทียบกับ 18.7% ในปี 2555 และ 23.8% ในปี 2554 ในช่วงปี 2557-2559 สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.94-1.11 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 6% ต่อปี โดยรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงบนโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน และบริการด้านข้อมูลในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก รายได้ของบริษัทมีความเสี่ยงที่จะลดลงได้ในช่วงปลายปี 2557 เมื่อระยะเวลา 1 ปีสำหรับการให้บริการของทรูมูฟหมดอายุลง ทั้งนี้ กลุ่มทรูโมบายอาจไม่สามารถโอนย้ายผู้ใช้บริการภายใต้โครงข่าย 2จี มาได้หมดและอาจทำให้รายได้ของกลุ่มทรูโมบายลดลงประมาณ 5% ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง อัตราส่วนกำไรของบริษัทน่าจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงในปี 2557 และน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2558 ไปอยู่ที่ระดับประมาณ 25% หลังจากที่โครงข่าย 2จี หยุดให้บริการและผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ภายใต้โครงข่าย 3จี ซึ่งมีต้นทุนใบอนุญาตที่ต่ำกว่า บริษัทน่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ประมาณ 1-1.2 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2557 จากนั้นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2558-2559 เนื่องจากอัตราส่วนกำไรที่ดีขึ้น สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนซึ่งรวมถึงใบอนุญาต 3จี ของบริษัทจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ในเดือนธันวาคม 2556 บริษัทได้รับเงินสดสุทธิจากเงินที่นำกลับไปลงทุนในกองทุนประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาทจากการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทวางแผนที่จะใช้เงินสดที่ได้รับไปใช้ชำระคืนหนี้และขยายธุรกิจ บริษัทจะมีข้อผูกพันด้านรายจ่ายและการโอนสิทธิในการรับรายได้ให้แก่กองทุนประมาณ 5 พันล้านบาทต่อปีเป็นระยะเวลาประมาณ 12-14 ปี ทริสเรทติ้งถือว่ามูลค่าปัจจุบันของรายจ่ายผูกพันดังกล่าวที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทเป็นหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ทริสเรทติ้งคาดว่าการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานจะมีผลกระทบเชิงบวกที่จำกัดต่ออัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท แต่จะช่วยเสริมความยืดหยุ่นในการจัดหาแหล่งทุนของบริษัทในอนาคต ณ เดือนกันยายน 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 95.3% ทริสเรทติ้งคาดว่ากำไรจากการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่ปรับดีขึ้นจะลดอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไปอยู่ที่ระดับ 70%-75% ภายในปี 2559 ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัทต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนหนี้ที่มีหลักประกันต่อสินทรัพย์ในระดับสูง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) อันดับเครดิตองค์กร: BBB อันดับเครดิตตราสารหนี้: TRUE144B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB- TRUE14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB- TRUE15NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB- TRUE16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB- TRUE174A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 7,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB- TRUE177A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 11,213 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB- หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 BBB- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ