ฟรอสต์ฯ เผย ดีลFacebook - WhatsApp เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ต่อยอดความเป็นผู้นำบนสื่อสังคมออนไลน์

ข่าวเทคโนโลยี Friday February 21, 2014 08:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน เป็นเรื่องฮือฮาที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง หลังจากFacebook ประกาศว่าได้เข้าซื้อ WhatsApp เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย Facebookได้จ่ายเป็นเงินสด 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้นสามัญรวมกับหุ้น ESOP ของ Facebook เองอีก 15,000 ล้านสหรัฐ รวมคิดเป็นมูลค่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 6 แสนล้านบาท ในเรื่องนี้ ซีอีโอชื่อดัง มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ค ได้ออกมาแถลงหลังการเข้าซื้อว่า ตอนนี้ WhatsApp กำลังจะมีผู้ใช้ 1 พันล้านคนแล้ว และบริการที่มีลูกค้าขนาดนั้นถือเป็นมูลค่าที่มหาศาลมาก นายธีระ กนกกาญจนรัตน์ นักวิเคราะห์อาวุโส จากบริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “ถึงแม้ว่าราคาที่ เฟซบุ้คซื้อ Whatapps จะนับว่าสูงมาก (ประมาณ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ราว 521,000 ล้านบาท) แต่เมื่อมองไปที่คุณค่าและความคุ้มค่าแล้ว WhatsApp เป็นแอฟพลิเคชั่นที่สามารถต่อยอดให้เฟซบุ้คได้ไม่น้อยทีเดียว” “WhatsApp เป็นหนึ่งในแอฟพลิเคชั่นที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้เข้าใช้งานมากกว่า 450 ล้านรายต่อเดือนและ70% จากจำนวนนี้มีการเข้าใช้งานทุกวัน เมื่อเทียบกับอินสตราแกรม ที่เฟซบุ้คได้ซื้อไปก่อนหน้านี้ อินสตราแกรมมีผู้ใช้งานประจำประมาณ 1 ใน 3 ของWhatsApp เท่านั้น” “ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การโฆษณาทางมือถือ นับว่าแหล่งรายได้หลักที่สำคัญของเฟซบุ้ค และความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของเฟซบุ้คมาจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมทางสังคมของผู้ใช้งานและการเชื่อมโยงความสัมพันธ์บนสื่อสังคมออนไลน์ที่ยากจะหาคู่แข่งมาเทียบได้ในปัจจุบัน” นายธีระ อธิบายว่า “การเข้าซื้อWhatsApp เป็นการเปิดโอกาสให้เฟซบุ้คในหลายๆทาง อย่างแรกคือ เฟซบุ้คจะสามารถเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากของ WhatsApp และน่าสนใจยิ่งกว่าคือการที่ WhatsAppผูกบัญชีผู้ใช้งานกับหมายเลขโทรศัพท์จริงเพื่อยืนยันตัวตน และ รายชื่อในคอนแทคลิสต์ของ WhatsApp ก็มาจากหมายเลขโทรศัพท์จริงที่อยู่ในเครื่องของผู้ใช้ หากเฟซบุ้คสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกับฐานข้อมูลผู้ใช้ที่ตนมีอยู่ จะทำให้เฟซบุ้คมีความเข้าใจในพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียของผู้ใช้ได้มากขึ้น อีกทั้งในปัจจุบัน WhatsApp รองรับการใช้งานได้ถึง7 ระบบปฎิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นPC, Android, iOS, Nokia Symbian, Nokia S40, BlackBerry, Windows Phone ซึ่งในจำนวนนี้ ยังมีผู้ใช้งานอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่มีแอคเคาน์บนเฟซบุ้ค นั่นหมายความว่า เฟซบุ้คสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้กลุ่มใหม่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในอดีต ซึ่ง การเข้าซื้อ WhatsApp อาจช่วยตอบโจทย์ปัญหาของเฟซบุ้คในด้านการชะลอตัวของอัตราการเติบโตของจำนวนผู้ใช้งานใหม่ได้อย่างลงตัว” “สำหรับผลกระทบที่WhatsAppจะมีต่อรายได้ของเฟซบุ้ค ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป เนื่องจากจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ของWhatsAppคือการให้บริการที่ไม่มีโฆษณา ไม่มีเกมส์ หรือสิ่งกวนใจอื่นๆ อีกทั้งยังมุ่งเน้น การให้บริการสื่อสารที่มีความเสถียรและความปลอดภัยสูง ซึ่งแตกต่างจากเฟซบุ้คที่มีรายได้หลักจากการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะหาโครงสร้างรายได้ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อการลงทุนในครั้งนี้” นอกจากนี้ นายธีระ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “สำหรับแผนการเข้ารุกตลาดโมบายคอมเมิร์สของเฟซบุ้ค จนถึงปัจจุบัน ทางฝ่ายบริหารของเฟซบุ้คยังไม่ได้ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนถึงรูปแบบในการทำตลาดในอนาคตอันใกล้นี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่เฟซบุ้คตัดสินใจ เข้าร่วมแย่งชิงส่วนแบ่งในตลาดอีคอมเมิร์ส ทั้ง WhatsAppและอินสตราแกรมจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทันที” สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อสัมภาษณ์ กรุณาติดต่อ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ประเทศไทย 02 637 7414, sasikarn.watt@frost.com
แท็ก facebook   ซีอีโอ   สหรัฐ   APP  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ