กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
อินเทล นำเสนอระบบวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ย้ำภาพผู้นำด้านบิ๊กดาต้าอินเทล ซีออน E7 v2โปรเซสเซอร์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีก้าวหน้าล่าสุดด้วยหน่วยความจำแบบIn-MemoryAnalyticsเพื่อยกระดับการประมวลผลสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่
ประเด็นข่าว
- อินเทล เปิดตัว อินเทล ซีออน E7 v2โปรเซสเซอร์ รุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผลขั้นสูง มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน1เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วแบบเรียลไทม์ตามจำนวนข้อมูลที่หลากหลาย
- โปรเซสเซอร์รุ่นนี้ ให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าถึงร้อยละ 80 และเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนได้กว่าร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับสถาปัตยกรรม RISC2ในรูปแบบอื่นๆ
- โปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่นี้ มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าสองเท่า และมี I/O bandwidth กว้างกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 4 เท่า3
อินเทล เปิดตัว อินเทล ซีออน E7 v2โปรเซสเซอร์ เพื่อสนับสนุนหลากหลายธุรกิจ ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ การธนาคาร ไปจนถึงธุรกิจการขนส่งและเดินทางให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากการแปลงข้อมูลไปสู่ความเข้าใจเชิงลึกที่ปฏิบัติได้
การใช้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์นั้นจะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจต่างๆ สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำเพื่อเพิ่มประสิทธิผลที่ดีขึ้นในทุกระดับ อินเทล ซีออน E7 v2โปรเซสเซอร์นี้มีความสามารถในการวิเคราะห์และประมวลผลที่สูงขึ้น รวมถึงสามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลและหลากหลายได้ เพื่อทลายขีดจำกัดต่างๆของการวิเคราะห์ข้อมูลที่หลายธุรกิจประสบอยู่ก่อนหน้านี้
นายเอกรัศมิ์อวยสินประเสริฐกรรมการผู้จัดการบริษัทอินเทลไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า“องค์กรใดที่สามารถนำข้อมูลเชิงวิเคราะห์ของธุรกิจไปใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความเข้าใจเชิงลึกในการทำธุรกิจได้นั้น จะมีความได้เปรียบสูงในเศรษฐกิจของยุคนี้ โดยประสิทธิภาพขั้นสูงของ อินเทล ซีออน E7 v2โปรเซสเซอร์ จะทำให้องค์กรด้านไอทีสามารถประมวลผลข้อมูลอันมหาศาลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้สามารถตรวจจับและเข้าใจถึงเทรนด์ต่างๆได้ และสามารถพัฒนาบริการใหม่ๆมารองรับตามประสิทธิภาพของธุรกิจ”
บิ๊กดาต้า และInternet of Things (IoT) นั้น เปิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับหลายธุรกิจ เพราะองค์กรเหล่านั้นสามารถเติบโตขึ้นได้จากการพัฒนาบริการใหม่ๆที่สร้างรายได้ โดยอาศัยข้อมูลที่องค์กรสามารถเรียกดูได้ ยังมีการคาดการณ์ว่าตลาดเทคโนโลยีและด้านการบริการที่เกี่ยวข้องกับบิ๊กดาต้านั้น จะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 27ต่อปี และจะเติบโตไปจนถึงปี 2560 โดยจะมีมูลค่าสูงถึง 32,400 ล้านเหรียญสหรัฐ4ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนอัตราการเติบโตนี้คือข้อมูลอันมหาศาลที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในอุปกรณ์ต่างๆ (IoT) ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนสูงถึง 3หมื่นล้านเครื่องในปี 25634ซึ่งจะทำให้การลงทุนเพื่อระบบการวิเคราะห์และประมวลผลขั้นสูงนั้น ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ตัวอย่างเช่น หน่วยงานแผนกไอทีของอินเทลเอง คาดว่าจะสามารถลดต้นทุน และเพิ่มกำไรขั้นต่ำได้ถึงเกือบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2559 จากการใช้ประโยชน์ของโซลูชั่นการวิเคราะห์ข้อมูล
การประมวลข้อมูลบิ๊กดาต้า และความสามารถในการวิเคราะห์ที่มีความเสถียรเป็นเลิศ
อินเทล ซีออน E7 v2โปรเซสเซอร์นั้น มีหน่วยความจำภายในสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึงสามเท่า ซึ่งสามารถทำให้ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การประมวลหน่วยความจำแบบIn-Memory Analyticsนั้น สามารถทำให้ระบบนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ทันที โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลไปประมวลผลบนฮาร์ดดิสก์เหมือนแต่ก่อนวิธีวิเคราะห์ดังกล่าวได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆตามความต้องการของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น นักวิเคราะห์จากการ์ทเนอร์ คาดว่าภายในปี 25586จะมีองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่จำนวนร้อยละ 35 หันไปใช้ระบบประมวลหน่วยความจำแบบIn-Memory Analyticsโดยเพิ่มจากที่มีเพียงร้อยละ 10 ในปี 2555 และคาดว่าร้อยละ 50 ของบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม โกลบอล 2000(Global 2000) จะหันมาใช้ระบบนี้เช่นกัน เพื่อเพิ่มประโยชน์จากการลงทุนในระบบการวางแผนทรัพยากรวิสาหกิจหรือ Enterprise Resource Planning (ERP)ให้มากขึ้น
ร้านค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดและมีระบบที่ซับซ้อนที่สุดในโลกอย่าง eBay ซึ่งต้องรับมือกับข้อมูลจำนวนมากกว่า 50 เพตาไบต์ (PB) จากผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคน ได้มีการทดลองใช้อินเทลซีออนE7 v2โปรเซสเซอร์ร่วมกับซอฟท์แวร์ประมวลหน่วยความจำแบบIn-Memoryanalytics ของSAP ที่มีชื่อว่า HANA*ปรากฏว่า eBayได้เห็นประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น ซึ่งความเข้าใจข้อมูลอันมหาศาลนี้เองจะช่วยให้eBayเห็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการบนเว็บไซต์ได้
โปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อรองรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ถึง 32-ซ็อคเก็ต8ซึ่งในแต่ละซ็อคเก็ตสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้รองรับการทำงานพร้อมกันได้ถึง 15 แกนประมวลผลและรองรับหน่วยความจำภายในได้ถึง 1.5 เทราไบต์ (TB) ซึ่งทำให้โปรเซสเซอร์ตระกูลใหม่นี้มีความสามารถสูงกว่าเดิมโดยเฉลี่ยถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน3ความสามารถที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีความสำคัญอย่าง Business Support Systems (BSS) หรือ Customer Relationship Management (CRM) รวมถึง ERP ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น2 ตัวอย่างเช่น ทีมฝ่ายขาย สามารถที่จะสามารถรับรู้ได้ถึงช่วงเวลาที่สินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งจะสามารถทำยอดขายได้สูงสุด หรือทำให้บริษัทด้านพลังงานสามารถคาดคะเนได้ถึงเวลาที่จะต้องเฝ้าระวังหรือทดสอบระบบบำรุงรักษาของบริษัท
และเพื่อการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอินเทลซีออนE7 v2โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมกับ Intel® Integrated I/OและIntel® Data Direct I/Oที่รองรับ PCIe 3.0* โดยมีแบนด์วิธสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 4 เท่าและยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำและการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเพิ่มเติมได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Intel® Run Sure Technology10ซึ่งออกแบบมาเพื่อเป็นโซลูชั่นแบบ “five nines” ที่จำเป็นสำหรับข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ โดยสามารถประหยัดต้นทุนและความถี่ในการวางแผน และการรบกวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด
รองรับระบบอันหลากหลายในอุตสาหกรรม
ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีจำนวน 21 รายจากทั่วโลก จะเริ่มเปิดตัวระบบที่ใช้หน่วยประมวลผล อินเทล® ซีออน™E7 v2โปรเซสเซอร์นี้กว่า 40 รุ่น โดยรวมถึงแบรนด์อย่างAsus*, Bull*, Cisco*, Dell*, EMC*, Fujitsu*, Hitachi*, HP*, Huawei*, IBM*, Inspur*, Lenovo*, NEC*, Oracle*, PowerLeader*, Quanta*, SGI*, Sugon*, Supermicro*, Unisys* and ZTE* ผู้ผลิตซอฟต์แวร์เชิงวิเคราะห์หลายรายกำลังทยอยเปิดตัวซอฟต์แวร์ที่รองรับหน่วยประมวลผลใหม่นี้เช่นกัน เช่น Altibase*, IBM*, Microsoft*, Oracle*, Pivotal*, QlikView*, Red Hat*, SAP*, SAS*, Software AG*, Splunk*, Sungard*, Teradata*, TongTech*, Vertica* และ YonYou*