กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--เครดิตบูโร
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้เปิดเผยต่อสื่อสารมวลชนว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนได้รับผลกระทบโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่กำลังประสบปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงิน สสว.จึงได้ประสานงานกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ขอให้ออกมาตรการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ ได้แก่ 1.การพักชำระหนี้เงินต้น 2.การขยายระยะเวลาชำระหนี้ และ 3.ให้เงินกู้เพิ่มดอกเบี้ยพิเศษ โดย SMEs ที่เข้าร่วมมาตรการจะไม่ถือเป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพราะธนาคารจะจัดส่งสถานะลูกค้าเป็นปกติแก่เครดิตบูโร นั้น
เครดิตบูโรขอเรียนว่า ในฐานข้อมูลระบบเชิงพาณิชย์ที่มีอยู่ ณ มกราคม 2557 (0.26 ล้านลูกหนี้นิติบุคคล หรือ 4.50 ล้านบัญชีนิติบุคคล) นั้น มีข้อมูลในเชิงสถิติที่เป็นภาพใหญ่สะท้อนให้เห็นว่า จำนวนบัญชีที่นิติบุคคลเป็นลูกหนี้สถาบันการเงินและเริ่มผิดนัดชำระหนี้แต่ยังไม่เป็นหนี้เสียหรือ NPL ตามคำนิยามนั้นเพิ่มสูงขึ้นจริง สอดคล้องกับผลสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการที่กล่าวข้างต้น
เครดิตบูโรพร้อมที่จะมีส่วนร่วมสนับสนุนในมาตรการให้ช่วยเหลือ SMEs ของ สสว. ดังกล่าว โดยจะขอความร่วมมือไปยังทั้ง 5 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ ให้ระมัดระวังในการรายงานและนำส่งข้อมูลของลูกหนี้นิติบุคคลที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว โดยหากลูกหนี้ SMEs รายใดสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงหรือข้อผ่อนผันตามมาตรการดังกล่าวได้ ธนาคารสามารถรายงานและนำส่งข้อมูลการชำระหนี้ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงหรือข้อผ่อนผันนั้นในสถานะบัญชี “บัญชีปกติ” หรือเลือกรายงานสถานะบัญชี “พักชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐ” ก็ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยไม่ให้เกิดความเสียหายในประวัติของนิติบุคคลและSMEs มาตรการนี้จะเป็นการช่วยเยียวยาทางด้านการรักษาความน่าเชื่อถือและช่วยในด้านจิตใจแก่ SMEs อีกทางหนึ่งด้วย
เครดิตบูโรขอให้ SMEs โปรดสบายใจว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อครั้งมีเหตุมหาอุทกภัยปลายปี 2554 ที่เครดิตบูโรได้ร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐและเอกชน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในลักษณะดังกล่าวข้างต้นมาแล้ว เพื่อคลายความกังวลของผู้ประสบภัยในเรื่องการผ่อนผันผ่อนปรนการชำระหนี้และดูแลประวัติการชำระสินเชื่อมิให้เกิดผลเสียหาย
หลังจากเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ SMEs ที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวสามารถตรวจเครดิตบูโรของตนเอง เพื่อดูความถูกต้องของข้อมูลได้ ซึ่งปัจจุบัน SMEs และประชาชนทั่วไปสามารถตรวจเครดิตบูโรได้ในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นที่ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ของบริษัทเอง หรือผ่าน เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2643-1250 อีเมล consumer@ncb.co.th หรือตรวจสอบช่องทางการตรวจเครดิตบูโรได้ที่ www.ncb.co.th ทางเครดิตบูโรมีเจ้าหน้าที่ให้บริการปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลประวัติสินเชื่อผ่าน Call Center ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น.
ข้อมูลสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2643-1250 อีเมล consumer@ncb.co.th หรือเว็บไซต์เครดิตบูโร www.ncb.co.th