กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของ บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2557 เนื่องจากบริษัทเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิม 3,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้จะนำไปใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะหมดอายุในปี 2557 และใช้ในการลงทุนของบริษัท อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการเติบโตที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งเกิดจากปริมาณการจราจรบนทางด่วนของบริษัทที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนของนโยบายภาครัฐด้านระบบการขนส่งในอนาคต และการลงทุนขนาดใหญ่ในสัมปทานทางด่วนใหม่ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถดำรงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทควรดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังในช่วงการลงทุนเพื่อรักษาคุณภาพเครดิตของบริษัท
บริษัททางด่วนกรุงเทพเป็นผู้ก่อสร้างและบริหารโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือโครงการทางพิเศษศรีรัชและโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) หรือทางด่วนส่วน C+ โดยได้รับสัมปทานในระบบ Build-Transfer-Operate (BTO) ระยะเวลา 30 ปีจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) โดยสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วนต่อขยายของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และทางด่วนส่วน C+ จะหมดอายุในปี 2563 ปี 2570 และปี 2569 ตามลำดับ ทั้งนี้
ทางด่วนขั้นที่ 2 นั้นเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) ซึ่งก่อสร้างและบริหารโครงการโดย กทพ. จึงเป็นโครงข่ายถนนที่ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการเดินทางของประชาชนเมื่อการจราจรบนถนนปกติในใจกลางกรุงเทพฯ และชานเมืองมีปัญหาติดขัด บริษัทและ กทพ. มีการแบ่งรายได้ค่าผ่านทางระหว่างกันในส่วนของทางด่วนขั้นที่ 1 และทางด่วนขั้นที่ 2 ในเขตเมือง (ส่วน A และ B) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 เป็นต้นไปจนหมดอายุสัมปทาน สัดส่วนการแบ่งรายได้ระหว่างบริษัทกับ กทพ. คือ 40% ให้แก่บริษัท และ 60% ให้แก่ กทพ. สำหรับในเขตนอกเมือง ส่วน C, D และ C+ นั้นบริษัทไม่ต้องแบ่งรายได้กับ กทพ. นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสัมปทานโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ส่วน SOE) โดยสัญญาสัมปทานเป็นแบบระบบ BTO ระยะเวลา 30 ปีและมีระยะเวลาการก่อสร้างไม่เกิน 48 เดือน บริษัทจะได้รับรายได้ค่าผ่านทาง 100% ทั้งนี้ โครงการมีมูลค่าการลงทุน 25,491 ล้านบาท โดยบริษัทได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2555 และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2559 ความคืบหน้าของการก่อสร้างเป็นไปตามแผนของบริษัท
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทเป็นผลจากการเติบโตที่สม่ำเสมอของปริมาณการจราจรบนเครือข่ายทางด่วนของบริษัท ในเดือนกันยายน 2556 บริษัทปรับขึ้นค่าผ่านทางของทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 ในอัตรา 5-10 บาทตามประเภทของยานพาหนะ และในเดือนพฤศจิกายน 2556 บริษัทปรับขึ้นค่าผ่านทางส่วน C+ ในอัตรา 5 บาท สำหรับรถ 6-10 ล้อ และอัตรา 10 บาท สำหรับรถ 10 ล้อขึ้นไป แม้จะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางดังกล่าว ปริมาณจราจรบนทางด่วนโดยเฉลี่ยต่อวันในปี 2556 ยังคงเติบโตขึ้น โดยปริมาณจราจรบนทางด่วนในปี 2556 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.100 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.4% จากปี 2555 ที่ 1.085 ล้านเที่ยวต่อวัน ขณะที่รายได้ค่าผ่านทางเฉลี่ยต่อวันในปี 2556 เท่ากับ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อน
ทริสเรทติ้งคาดว่าโดยภาพรวมแล้ว ความต้องการใช้ทางด่วนยังมีแนวโน้มเป็นบวกด้วยอัตราการเติบโตปานกลาง โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของปริมาณจราจร ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยไปยังเขตปริมณฑล อย่างไรก็ดี ปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงและภาระหนี้ภาคครัวเรือน จะส่งผลลบต่อความต้องการใช้ทางด่วน
ฐานะการเงินของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง แม้บริษัทจะมีอัตรากำไรที่สูง แต่ก็มีภาระหนี้สูงจากการลงทุนเช่นกัน สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมีรายได้ค่าผ่านทาง 5,941 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ประมาณ 2%-4% ต่อไปในระยะ 3 ปีข้างหน้า ฐานะสภาพคล่องของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมอยู่ที่ 29.10% (ปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีโดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 12 เดือน) ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง บริษัทได้รับการคาดหมายให้มีเงินทุนจากการดำเนินงาน 5,000-5,600 ล้านบาทต่อปีในระยะ 3 ปีข้างหน้าเพื่อให้เพียงพอที่จะชำระหนี้ ลงทุนตามแผนของบริษัท และจ่ายเงินปันผล ในส่วนของโครงสร้างเงินทุน ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลางโดยเป็นผลมาจากการลงทุนในโครงการ SOE ที่บริษัทมีแผนการลงทุนโดยใช้เงินกู้ระยะยาวประมาณ 75% ของมูลค่าการลงทุน หรือ 19,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะเป็นกระแสเงินสดภายในบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะสูงถึง 60% ในระยะก่อสร้างโครงการ SOE
บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BECL144A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
BECL148A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 A
BECL153A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A
BECL163A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL163B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL16OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A
BECL183A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BECL18NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A
BECL203A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
BECL214A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable