วีซ่าจัดเป็นบัตรชำระเงินที่ดีที่สุดและให้บริการด้านการเงินยอดนิยม

ข่าวทั่วไป Monday September 22, 1997 10:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--22 ก.ย.--วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล
จากการสำรวจวิจัยระดับนานาชาติ 2 แห่งเมื่อเร็วๆ นี้ยืนยันว่าวีซ่าเป็นบัตรชำระเงินชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในบัตรชำระเงินยอดนิยมสูงสุดของผู้บริโภค
ผลการสำรวจของเดอะ โกลบอล แบรนด์ มอนิเตอร์ (Global Brand Monitor) ซึ่งศึกษาจากผู้บริโภค กว่า 9,500 คนใน 38 ประเทศ พบว่ากลุ่มตัวอย่างดังกล่าวจัดอันดับวีซ่าเป็นบัตรชำระเงินอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับบัตรชำระเงินอื่นๆ และในบรรดาบัตรชำระเงินระดับสากล 3 บัตร วีซ่าจัดเป็นบัตรที่มีนิยมใช้มากโดยคิดเป็นสัดส่วน 2:1 หรือร้อยละ 55 ต่อร้อยละ 25 เทียบกับคู่แข่งขันอันดับแรก และสำหรับในเอเชีย-แปซิฟิค พบว่าร้อยละ 54 ของกลุ่มตัวอย่างระบุความนิยมในการใช้บัตรวีซ่า ขณะที่เพียงร้อยละ 23 ให้ความนิยมในการใช้บัตรของคู่แข่งวีซ่าอันดับแรก
นอกจากนี้ บริษัท อินเตอร์แบรนด์ กรุ๊ป มหาชน (สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค) ผู้จัดทำหนังสือ เดอะ เวิล์ด เกรสเทส แบรนด์ส (The World ’s Greatest Brands) จัดให้วีซ่าเป็นบัตรอันดับหนึ่งในฐานะ “บริการด้านการเงิน” และเป็นอันดับที่ 14 จากบัตรชำระเงินยอดนิยมทั่วโลก 100 แบรนด์ และเป็นอันดับหกในฐานะเป็นแฟรนไชส์ที่แพร่หลายทั่วโลก
มร. เอ็ดมัน พี. เจ็นเซ่น ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า“แบรนด์เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อถือ คุณภาพ และค่านิยมและคุณลักษณะที่สำคัญเหล่านี้เป็นรากฐานที่เสริมให้วีซ่าเป็นบัตรชำระเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุดในโลกอย่างสม่ำเสมอ สมาชิกของเราที่เป็นสถาบันการเงินนำความแข็งแกร่งของวีซ่าไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของแต่ละสถาบัน และในที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จโดยวีซ่ามียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรทั่วโลกมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งผู้แข่งขันของเราจะต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะบรรลุถึงความสำเร็จเช่นเราได้”
มร. เจ็นเซ่น กล่าวต่อว่า “เกี่ยวกับเรื่องแฟรนไชส์ วีซ่าใช้กลยุทธ์เรื่องแบรนด์แห่งความเป็นหนึ่งโดยเน้นเรื่องผลิตภัณฑ์ในสถานการณ์ที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อเน้นความแข็งแกร่งและพลังของแบรนด์ทั่วโลก”
มร. เจ็นเซ่น เสริมอีกว่า การเติบโตของบัตรเดบิตวีซ่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าสูงมาก จนต้องมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์กล่าวคือ การเติบโตของบัตรเดบิตวีซ่าคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของจำนวน1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยธนาคารสมาชิกของวีซ่าได้ออกบัตรเดบิตวีซ่าจำนวนกว่า 156 ล้านใบทั่วโลก และในจำนวนบัตรเดบิตดังกล่าวกว่า 300 ล้านใบสามารถนำไปใช้บริการที่ตู้เอทีเอ็มได้ ทั้งนี้ บัตรเดบิตนับเป็นผลิตภัณฑ์ของวีซ่าที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากที่สุดเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นของวีซ่า ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 310 พันล้านเหรียญสหรัฐของยอดใช้จ่ายบัตรผ่านวีซ่าทั้งหมด
เดอะ โกลบอล แบรนด์ มอนิเตอร์ เป็นการศึกษาและการรายงานผลทุกไตรมาสอย่างต่อเนื่อง จัดทำโดยเอ็นโอพี ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยอิสระก่อตั้งโดยวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล และเริ่มเปิดตัวเมื่อปี 2539โดยในไตรมาสแรกของปี 2540 พบว่าผู้บริโภคร้อยละ 75 จัดวีซ่าให้เป็นบัตรที่มอบความสะดวกสบายแก่พวกเขา และร้อยละ 70 และร้อยละ 75 จัดให้วีซ่าเป็นบัตรชำระเงินเพียงบัตรเดียวที่มีฐานะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งทั้งในระดับ “โลก” และในระดับ “ประเทศ” ตามลำดับ
มร. เจ็นเซ่น กล่าวต่อว่า “ผู้ถือบัตรวีซ่าจำนวนมากเริ่มซื้อสินค้าบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งพฤติกรรม ดังกล่าวเป็นเรื่องของความเชื่อใจและความมั่นใจที่วีซ่าได้ประสบความสำเร็จในโลกของการซื้อขายที่ปรากฎในปัจจุบันและถ่ายทอดมาถึงโลกแห่งการซื้อขายในอินเตอร์เน็ต วีซ่าจะมอบความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พวกเขาสามารถซื้อสินค้าที่ต้องการได้ทุกเวลาและ ทุกสถานที่ ความแพร่หลายของวีซ่าที่เราได้รับอยู่ทุกวันนี้จะสามารถขยายไปถึงการค้าอิเล็คทรอ-นิคส์ ซึ่งเป็นการซื้อขายในโลกที่ไร้พรมแดน”
บริษัท อินเตอร์แบรนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2517 เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการพิเศษในด้านการพัฒนา แบรนด์และชื่อขององค์กร ปัจจุบัน อินเตอร์แบรนด์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารและพัฒนา แบรนด์ชั้นนำรายหนึ่งของโลก อินเตอร์แบรนด์มีสำนักงานอยู่ทั่วโลก ได้แก่ ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ค โบโกต้า ลอนดอน ฮัมเบิร์ก มิลาน บอนน์ ซูริค โตเกียว โอซาก้า สิงคโปร์ ซิดนีย์ และโยฮันสเบิร์ก เดอะ เวิล์ดส เกรสเทส แบรนด์ส เป็นหนังสือเล่มที่สองที่เขียนเกี่ยวกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่อินเตอร์แบรนด์จัดทำขึ้น ทั้งนี้ ผู้อ่านสามารถเปิดเวปไซท์ของอินเตอร์แบรนด์ได้ที่ www.interbrand.com.
การเติบโตของวีซ่าและกลุ่มสมาชิกสถาบันการเงินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิคยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยยอดการชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าในเดือนมีนาคม 2540 คิดเป็นจำนวนเงินถึง176.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยอดการทำธุรกรรมต่างๆ ของธนาคารพาณิชย์ในจีนที่ชำระเงินผ่านบัตรวีซ่าในปี 2539 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 คิดเป็นมูลค่า 53.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ บัตรวีซ่าเป็นบัตรชำระเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยขณะนี้จำนวนยอดการออกบัตรมีมากกว่า 104.1 ล้านใบ
วีซ่าเป็นระบบการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ “วิธีการชำระเงินที่ดีที่สุดในโลก” โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาอำนวยประโยชน์ให้แก่สมาชิกที่เป็นสถาบันการเงินจำนวน 21,000 แห่ง รวมทั้งหน่วยงานธุรกิจ ภาครัฐ รวมไปถึงการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของโลก วีซ่าเป็นผู้นำด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ บัตรชิพโปรแกรม 65 โครงการทั่วโลก รวมทั้งโครงการ วีซ่าแคช 6 ล้านใบ และวีซ่าเป็นผู้บุกเบิกระบบการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิคส์อย่างปลอดภัย หรือ Secure Electronic Transaction — SET ใน 25 ประเทศเพื่อการทำธุรกรรมการค้าอย่างปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต บัตรวีซ่ากว่า 600 ล้านใบได้รับการยอมรับจากร้านค้าจำนวนกว่า 14 ล้านแห่งทั่วโลก โดยมียอดรายได้คิดเป็นมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้ วีซ่าเป็นผู้ดำเนินเครือข่ายเอทีเอ็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเครื่องเอทีเอ็มกว่า 370,000 เครื่อง
วีซ่ามีข้อมูลโฮมเพจในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต คือ http://www.visa.com
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ กาญจนาวดี น้อยใจบุญ เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ โทรศัพท์ 252-9871-7-จบ-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ