กรุงเทพ--24 มี.ค.--แอ็ดวานซ์ อะโกรฯ
AA ประกาศขยายการลงทุนดึงจีนร่วมทุนเปิดโรงเยื่อ คาดทำรายได้ เข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ล้าน
ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกรฯ หรือ AA เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลจีนในการ ตั้งโรงเยื่อ โดยในการลงทุนครั้งนี้รัฐบาลจีนได้ลงทุนกว่าหมื่นล้านบาท เพื่อตั้งโรง เยื่อกระดาษขนาด 700,000 ตันต่อปี มูลค่าโครงการประมาณ 27,000 ล้านบาท เพื่อส่งออก 100% โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียลปาร์ค จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการบริโภคเยื่อกระดาษของจีน ซึ่งในการ ส่งออกจะสามารถนำเงินเข้าประเทศไทยได้ปีละกว่า 10,000 ล้านบาท
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงสาเหตุที่บริษัทได้รับการคัดเลือก จากรัฐบาลจีน ทั้ง ๆ ที่มีบริษัทผลิตเยื่อกระดาษหลายแห่งจากหลายประเทศยื่นความ จำนงค์ในการจัดตั้งโครงการดังกล่าว ทั้งนี้เป็นเพราะความพร้อมของบริษัทในทุก ๆ ด้านคือ การเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิต และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่ก่อ ให้เกิดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจนเป็นที่ยอมรับ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้น้ำ ในกระบวนการผลิตน้อยที่สุด อีกทั้งล่าสุดเพิ่งได้รางวัลโรงงานอุตสาหกรรมดีเด่น ทางด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้บริษัทสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงาน ใช้เวลาเพียง 1 ปี 6 เดือน ในขณะที่ตามโครงการอื่นจะต้องใช้เวลา 3-4 ปี รวมทั้งกลุ่มบริษัทมีความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบ ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ และมีระบบสัญญาปลูกไม้กับเกษตรกรเจ้าของพื้นที่ในการประกันราคารับซื้อ ซึ่งจาก เหตุผลดังกล่าว ทำให้รัฐบาลจีนเกิดความเชื่อมั่นในความพร้อมของบริษัท และเลือก ร่วมทุนโดยตั้งโรงงานที่เมืองไทย
สำหรับเยื่อกระดาษที่ผลิตได้ทั้งหมดจะส่งออก 100% เพื่อนำไปใช้เป็น วัตถุดิบผลิตกระดาษของประเทศจีน ที่มีความต้องการบริโภคกระดาษสูงมากถึงปีละ 30 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้คาดการณ์ว่า โครงการนี้จะสามารถสร้างรายได้และนำเงิน ตราต่างประเทศเข้าประเทศไทยได้ปีละมากกว่า 10,000 ล้านบาท รวมทั้งจะก่อ ให้เกิดทางเลือกแก่เกษตรกรที่เดิมปลูกพืชล้มลุกมาใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อปลูกไม้ยืนต้น ได้กว่า 10,000 ราย ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้มากกว่าที่เคยปลูกพืชไร่เดิมถึงประมาณ 2-3 เท่า ทั้งนี้โรงงานเยื่อที่จะเปิดนั้นใช้วัตถุดิบจากไม้ยูคาลิปตัส ที่รับซื้อจาก เกษตรกร รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และผลิตเป็นเยื่อกระดาษใยสั้น และบำบัดน้ำโดยไม่มีการทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ ธรรมชาติ
การเข้ามาร่วมลงทุนของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า จีนมีความ มั่นใจต่อความพร้อมของบริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกรฯ เป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการ จัดการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากที่บริษัทฯได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภท การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2539 จากกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังเป็น 1 ใน 10 ของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนำร่องมาตรฐาน ISO 14000 ซึ่ง นับเป็นมาตรฐานที่สำคัญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ยังสามารถชี้ให้เห็นว่า ต่างชาติเล็งเห็นถึงศักยภาพในทุก ๆ ด้านของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโน โลยี ทรัพยากรมนุษย์ เงินทุน และความพร้อมด้านวัตถุดิบ นับได้ว่าเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่น่าภาคภูมิใจของประชาชนชาวไทย
ข้อมูลโครงการร่วมทุมโดยสังเขป
สินค้า : เยื่อกระดาษชนิดใยสั้น
วัตถุดิบ : ไม้ยูคาลิปตัส
กำลังการผลิต : 7 แสนตัน/ปี
ที่ตั้งโรงงาน : ประเทศไทย
สัดส่วนการร่วมทุน : รัฐบาลจีน 51%
บริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) 49%
ตลาด : สินค้าที่ผลิตได้ส่งออกไปขายยังประเทศจีนทั้งหมด
มูลค่าการลงทุน : ประมาณ 27,000 ล้านบาท
ประโยชน์ของโครงการต่อส่วนรวม
1. เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ที่นำมาลงทุนใน ต่างประเทศเท่ากับเป็นการยืนยันในเสถียรภาพของรัฐบาลไทย
2. การเลือกทำเลที่ตั้งโครงการในประเทศไทย เป็นการยืนยันว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุนในภูมิภาคนี้
3. จีนยังคงต้องการสินค้าอุปโภค บริโภคอื่น ๆ อีกมาก โครงการนี้จะ เป็นโครงการนำร่อง เปิดโอกาสให้มีโครงการอื่น ๆ ของจีน และชาติต่าง ๆ มา ลงทุนตามมาอีก
4. เป็นโครงการผลิตเพื่อการส่งออก 100% ทำให้ได้รับเงินตราต่าง ประเทศ ประมาณกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี
5. โครงการใช้ไม้ยูคาฯ เป็นวัตถุดิบ เป็นการสร้างรายได้ และทาง เลือกเพิ่มขึ้นให้แก่กลุ่มเกษตรกรที่เดิมปลูกพืชล้มลุก
6. โครงการใช้วัตถุดิบภายในประเทศสัดส่วนสูง ไม่ต้องพึ่งการนำเข้า จากต่างประเทศ
7. โครงการจะช่วยสร้างงานให้บุคลากรระดับปัญญาชนนับพัน ๆ ตำแหน่งทั้งในโรงงานเองและสาขาธุรกิจ บริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และสมาชิกที่ ร่วมปลูกป่ามากกว่า 10,000 ครอบครัว รวมทั้งแรงงานทางตรง ทางอ้อมระดับ อื่น ๆ เป็นแสนคน
8. โครงการนี้ก่อกำเนิดขึ้นบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสอง ประเทศ เป็นตัวอย่างของธุรกิจการผลิตแปรรูปวัตถุดิบการเกษตรเพื่อการส่งออก ซึ่ง มิได้อิงกับแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ ในด้านการถือประโยชน์เอาจากค่าจ้างแรงงาน ถูก การเป็นแหล่งวัตถุดิบราคาถูก การรับสิทธิประโยชน์ทางการค้าและศุลกากร จากประเทศคู่ค้า หรือ จีเอสพี (GSP)
9. โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ 3 ซึ่ง อยู่ในชนบท ทำให้เกิดการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ระบบสื่อสาร สถานศึกษา สถานพยาบาล สถานที่ราชการท้องถิ่นและชุมชน นับเป็นการส่งเสริม การกระจายความเจริญสู่ชนบทสนองต่อนโยบายของรัฐบาล
10. โครงการนี้จะมีส่วนช่วยส่งเสริมยกระดับเกษตรกร ช่างฝีมือ วิศวกร ของไทยให้มีการเรียนรู้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีระดับสูง ด้วยการฝึกอบรมของ ไทย ซึ่งจะช่วยยกระดับความเจริญและการพัฒนาประเทศ ดังเช่นกรณีของประเทศ ฟินแลนด์ ซึ่งเดิมเป็นประเทศด้อยพัฒนา ต่อมาเมื่อมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมเยื่อ กระดาษอย่างกว้างขวาง ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าจนเป็นประเทศอุตสาหกรรม ชั้นนำของโลก--จบ--