SENA โชว์ศักยภาพ ปี 56 รายได้พุ่ง 19.33% ปี 57 ปีทองการจัดระเบียบเพื่อคุณภาพ-วางกลยุทธ์ “กางเกงยางยืด”มุ่งเน้นยืดหยุ่นรับสถานการณ์ พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 2,800 ลบ. โตขึ้น 12%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 27, 2014 11:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--IR network บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ อวดผลดำเนินงานปี 56 มีรายได้รวม 2,074.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19.33% และกำไรสุทธิ 272.02 ล้านบาท เหตุสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผน โดยมียอดขาย 2,500 ล้านบาท และยอดโอน 2,000 ล้านบาท “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” เผยกลยุทธ์ปี 57 “กางเกงยางยืด” มุ่งเน้นความยืดหยุ่นรับสถานการณ์ และปีทองของการจัดระเบียบเพื่อคุณภาพ โดยพัฒนาธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้และความหลากหลาย รวมทั้งบริหารสภาพคล่อง และจัดระเบียบการลงทุนด้วยความระมัดระวัง เพื่อการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ วางเป้ารายได้ปีนี้ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และยอดขาย 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2556 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจหลักรวม 2,000.95 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากการขาย 1,877.31 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าและบริการอพาร์ทเม้นท์ 24.21 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าและบริการพื้นที่ 69.32 ล้านบาท รายได้สนามกอล์ฟ 30.11 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้อื่นอีก 73.99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,684.88 ล้านบาท จะเห็นว่ารายได้จากธุรกิจหลักเพิ่มขึ้น 316.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.76 โดยมีกำไรสุทธิ 272.02 ล้านบาท “ภาพรวมปีที่แล้วถือได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมียอดขาย 2,500 ล้านบาท และยอดโอน 2,000 ล้านบาท เนื่องจากสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามแผน โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 และ 4 ที่มีรายได้เข้ามามากขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ต่างๆ ด้วยกลยุทธ์ราคาที่เหมาะสม และการให้บริการคิดครบแบบ 360 องศา ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจมากขึ้น โดยแนวโน้มไตรมาส 1/57 คาดว่าจะมีรายได้จากยอดขายโครงการต่างๆ ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ทั้งสิ้นกว่า 2,000 กว่าล้านบาท” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อถึงกลยุทธ์ในปี 2557 ว่าจะมุ่งเน้นความยืดหยุ่น (Flexibility) เปรียบเสมือน “กางเกงยางยืด” เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง โดยปีนี้วางแผนที่จะเปิดตัวใหม่อีก 8 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ ธุรกิจเช่าและบริการสนามกอล์ฟ 1 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วนระยะเวลาที่จะเปิดโครงการต้องประเมินสถานการณ์ต่างๆ ให้แน่ชัด โดยเฉพาะปัจจัยด้านการเมือง ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค “ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองขณะนี้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งในส่วนของ SENA มีการเตรียมพร้อมและประเมินสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยมีการปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าแนวโน้มด้านอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะลดความร้อนแรงลง จากจำนวนของโครงการใหม่ที่ลดลง และภาวะอุปทานที่ล้นตลาด ทำให้ปีนี้บริษัทฯ จะมุ่งเน้นเปิดตัวโครงการแนบราบมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันอสังหาฯ ที่เป็นแนวราบขายง่ายกว่าแนวสูง ภายใต้แนวคิด Customer Centric ซึ่งเป็น 1 ใน 4 Cores Value หลักของบริษัทฯ” ทั้งนี้บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 25 และยอดขาย 2,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Profit Margin) คาดว่าจะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากจำนวนของโครงการใหม่ที่ลดลง ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลงตามไปด้วย “บริษัทฯ ได้วางนโยบายรัดเข็มขัดด้วยการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก เพราะประเมินว่าปัญหาการเมืองจะยืดเยื้อไปอีก 3 – 6 เดือน โดยเพิ่มความระมัดระวังควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และงดจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ โดยจะไม่ใช้โฆษณาในแมสมีเดีย จนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลาย และเลื่อนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ โดยไตรมาส 1/57 จะเปิดตัวโครงการ The Niche Mono ไตรมาส 2/57 โครงการ The Niche ID, S-Ville และ S-Town ไตรมาส 3/57 โครงการ S-Ville, The Niche ID และไตรมาส 4/57 โครงการสนามกอล์ฟและคลับเฮาส์” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อในช่วงท้ายว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งการจัดระเบียบเพื่อคุณภาพของบริษัทฯ โดยพัฒนาธุรกิจใหม่ ในการผลิตทาวเฮาส์แบบสองชั้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และเหมาะสมกับสภาวะตลาด และนำระบบการผลิตแบบ Pre-Cast มาใช้ในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาหรือโซลาร์รูฟ (Solar Rooftop) เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่เป็นรายได้สม่ำเสมอ “นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการวางแผนกระจายความเสี่ยงด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ ในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียมร้อยละ 80 บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมร้อยละ 10 และธุรกิจเช่าร้อยละ 10 โดยวางเป้าหมายกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจเช่ามากขึ้น และมีแผนเปิดคลับเฮ้าส์ในโครงการสนามกอล์ฟ พัทยา คันทรี่คลับ ในต้นปี 2558” ผศ.ดร.เกษรา กล่าวในที่สุด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ