กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--IR PLUS
“KGI” โชว์ผลประกอบการงวดปี 2556 บริษัทมีกำไรพุ่งเกือบ 77% มีกำไรถึง 783 ล้านบาท ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 4.04% และมีส่วนแบ่งการตลาด TFEX เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด ร้อยละ 11.74 รายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ผลกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ยังคงสวยงาม พร้อมตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยบอร์ดมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดปี 2556 หุ้นละ 0.36 บาท (ร้อยละ 99 ของกำไรสุทธิงบการเงินเฉพาะกิจการ) ซึ่งคิดเป็น Dividend yield สูงถึง ร้อยละ 11 (ณ ราคาหุ้นที่ 3.14 บาท) ปิดสมุดทะเบียน วันที่ 22 เมษา และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 เมษา และจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 พฤษภา หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 8 เมษา 2557 แล้ว
นายวิลเลี่ยม ฟาง กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดประจำปี 2556 ว่า ปี 2556 เป็นปีที่บริษัทสามารถสร้างความเติบโตในด้านรายได้และผลกําไรสุทธิได้อย่างโดดเด่น โดยในปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 2,759 ล้านบาท กำไรสุทธิ 783 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น หุ้นละ 0.39 บาท เทียบกับปี 2555 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,909 ล้านบาท กำไรสุทธิ 443 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น หุ้นละ 0.22 บาท
“ในปี 2556 นี้ บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 28 และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ร้อยละ 16 ซึ่งแสดงถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจาก 2 ปีก่อน เนื่องจากในปี 2556 บริษัทมีรายได้จากทุกฝ่ายงานธุรกิจเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไป จึงส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ และ ROE ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2 ปีก่อน และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ” นายวิลเลี่ยมกล่าว
ทั้งนี้รายได้ของบริษัทฯ มาจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ในปี 2556 บริษัทมีการรับเจ้าหน้าที่การตลาดเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งมีการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.47 (อันดับ 12) ในปี 2555 เป็นร้อยละ 4.04 (อันดับ 11) ในปี 2556 นอกจากนั้น ในปี 2556 บริษัทมีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์สูงเป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 11.74 ในตลาดอนุพันธ์ฯ และสำหรับธุรกิจค้าหลักทรัพย์ ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ 712 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.47 จากปีก่อน เนื่องจากภาวะตลาดที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ทั้งนี้ ในงานประกาศผลรางวัล TFEX Best Awards 2013 บริษัทได้รับ 4 รางวัล คือ รางวัล Most Active House, รางวัล Prop-Trading of the Year ยอดเยี่ยมอันดับ 1, รางวัล Market Maker Best Performance ประเภท Equity Product และรางวัล Agent of the Year ยอดเยี่ยม อันดับ 3 ด้วย
สำหรับธุรกิจวาณิชธนกิจ ในปี 2556 บริษัทมีรายได้จากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงินจากธุรกิจวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 3 บริษัท และเป็นผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 1 บริษัท พร้อมทั้ง เป็นผู้ร่วมจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 9 บริษัท ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้จากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 89 ล้านบาท และรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 7 ล้านบาท
นายวิลเลี่ยม กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ในปี 2556 นี้ บริษัทยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนรวม การจัดการกองทุนส่วนบุคคล การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การเป็นนายทะเบียนและการดูแลทรัพย์สินจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกอง ทุนรวม วรรณ จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท) เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก ในปี 2556 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด มีการออกกองทุนใหม่ 8 กอง และได้รับความไว้วางใจให้บริหารกองทุนส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น และได้รับค่าบริหารกองทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถบริหารกองทุนได้ดีกว่าเป้าหมาย พร้อมทั้ง ยังได้รับรางวัล SET Award 2013 สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนดีเด่นอีกด้วย และจากสาเหตุทั้งหมดนั้นจึงส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้นอย่างน่าพอใจ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2556 ในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท เป็นอัตราร้อยละ 99 ของกำไรสุทธิ โดยปิดสมุดทะเบียน วันที่ 22 เมษายน และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 17 เมษายน และจ่ายเงินปันผลวันที่ 6 พฤษภาคม หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 8 เมษายน 2557 แล้ว