กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ.กรุ๊ปลีส ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่แปลงวิกฤติเป็นโอกาส คาดปีนี้ทำกำไรนิวไฮ หลังตลาดเช่าซื้อมอเตอร์ไซต์กลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังปีนี้ หนุนบันทึกสำรองหนี้เสียปีก่อนกลับเป็นกำไรและธุรกิจในกัมพูชาพ้นจุดคุ้มทุน เริ่มสร้างผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ แสดงความมั่นใจว่า หลังจากที่บริษัทฯ ผ่านพ้นช่วงของการปรับกลยุทธ์ในขณะนี้ บริษัทฯ จะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่า ธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางปีนี้ หลังวิกฤติการเมืองคลี่คลาย โดยปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผลกำไรพลิกฟื้นกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้ เนื่องจากคาดว่าลูกค้าที่บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญไว้จำนวนมาก ในปี 2556 จะสามารถกลับมาชำระค่างวดได้ตามปกติและจะทำให้เงินสำรองเผื่อหนี้สูญก่อนหน้านี้สามารถบันทึกกลับมาเป็นกำไรในปีนี้ได้
ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการจากบริษัท GLF ซึ่งเป็นบริษัทฯ ลูกในกัมพูชา จะเริ่มสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำในปีนี้ หลังสามารถทำยอดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ราย จะเพิ่มเป็น 2,000 รายภายในสงกรานต์นี้ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,000-4,000 รายต่อเดือนภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ยอดลูกค้าสะสม ณ สิ้นปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 20,000-25,000 รายจากปัจจุบันที่มียอดลูกค้าสะสมรวม 5,0000 ราย โดยคาดว่าบริษัทฯ ลูกในกัมพูชานี้ จะสร้างกำไรได้ประมาณ 20% ของกำไรรวมทั้งหมดของบริษัทฯ ในปีนี้
“จำนวนลูกค้าในกัมพูชาขณะนี้ มีทั้งหมด 5,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขจุดคุ้มทุน และจากนี้ไปยอดขายใหม่ๆ ทั้งหมด จะเริ่มสร้างผลกำไร โดยธุรกิจในกัมพูชา มีพัฒนาอย่างมั่นคงและตลาดมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก คุณภาพลูกค้าดี มีอัตรา NPL เพียง 0.5%” นายมิทซึจิ กล่าว
บมจ.GL รายงานตัวเลขกำไรสุทธิ 240.31 ล้านบาท ในปี 2556 ซึ่งลดลง 32.75% จากกำไรสุทธิ 357.38 ล้านบาท ในปี 2555 โดยมีสาเหตุหลักจาก บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสูงมากถึง 343.64 ล้านบาท ในปี 2556 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่าจากที่ตั้งสำรองในปี 2555 เพียง 45.25 ล้านบาท
นายมิทซึจิ ชี้แจงว่า การตั้งสำรองที่สูงมากในปี 2556 นั้น เนื่องจากบริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชีที่เข้มงวด ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้ว บางส่วนอาจไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองก็ได้ เนื่องจากลูกค้าของบริษัทฯ ไม่ได้ตกงาน เพียงแต่มีรายได้ลดลงจากการไม่มีรายได้ค่าทำงานล่วงเวลาหรือโอที หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จึงไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดได้ตรงตามเวลาเท่านั้น
“ผมเชื่อว่าปัญหาการเมืองจะคลี่คลาย และสภาพตลาดจะกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป และเมื่อลูกค้าของเราสามารถกลับมาผ่อนชำระค่างวดได้ตรงตามเวลา จะส่งผลให้เราสามารถบันทึกเงินที่ได้สำรองไว้ก่อนหน้านี้ กลับมาเป็นผลกำไรในปีนี้”นายมิทซึจิ กล่าว
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายบริหารได้ใช้จังหวะช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว กระชับประสิทธิภาพในด้านต่างๆ ตลอดจนขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นตลาดลูกค้าหลักของ GL ที่เป็นกลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง โดยตัวเลขยอดขายใหม่ในขณะนี้ เฉลี่ย 7,000 รายต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะทยอยเพิ่มสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง และเติบโตไปถึง 10,000 รายภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ไม่เอื้ออำนวยในการรุกตลาดอย่างเต็มที่ แต่ยอดลูกค้าสะสมของ GL ก็ยังเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2556 มียอดปล่อยสินเชื่อรวม 4,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 45% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ปล่อยสินเชื่อรวม 3,300 ล้านบาท ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการรุกตลาดอย่างเต็มที่ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด บริษัทฯ คาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 6,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้