สายการบินเอทิฮัดแจ้งกำไรสุทธิต่อเนื่องเป็นปีที่สาม โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 คิดเป็นมูลค่า 62 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

ข่าวท่องเที่ยว Thursday March 6, 2014 16:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ ผลประกอบการหลักสำหรับปี 2556 - รายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เป็น 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - กลยุทธ์พันธมิตรดำเนินไปอย่างเข้มแข็ง โดยรายได้จากการเป็นหุ้นส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เป็น 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคิดเป็นร้อยละ 21 เป็นรายได้จากผู้โดยสาร - EBITDAR (รายได้จากการดำเนินการก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า)เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เป็น 979 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - EBIT (รายได้จากการดำเนินการก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เป็น 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) - กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จาก 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - ปริมาณจำนวนผู้โดยสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เป็น 11.5 ล้านคน - ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารซึ่งคิดเป็นคนต่อกิโลเมตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เป็น 55.5 พันล้านคน - ปริมาณผู้โดยสารซึ่งคิดเป็นที่นั่งต่อกิโลเมตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 71.1 พันล้าน - ฝูงบินเพิ่มขึ้นจาก 70 เป็น 89 ลำ - การสั่งซื้อเครื่องบินมูลค่า 67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยเพิ่มจำนวนเครื่องบินเป็น 199 ลำและจำนวนเครื่องยนต์เป็น 294 เครื่อง ซึ่งได้ประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 - จุดหมายปลายทางสำหรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า 94 แห่ง และบริการใหม่ไปยัง 9 เมืองจุดหมายปลายทางใหม่ที่เริ่มบริการในปี 2557 - ‘พันธมิตรร่วมทุน’ ขยายเป็น 7 สายการบิน - พันธมิตรเที่ยวบินร่วมเพิ่มจาก 40 เป็น 47 - โดยผ่านพันธมิตรทางการบิน “เครือข่ายบริการ” เพิ่มขึ้นไปเป็นเกือบ 400 จุดหมายปลายทาง - รายได้การขนส่งสินค้าของสายการบินเอทิฮัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เป็น 928 ล้านดอลลาร์สหรัฐ - สายการบินเอทิฮัดได้รับรางวัล “สายการบินชั้นนำระดับโลก” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จาก เวิล์ด ทราเวล อวอร์ด ดัชนีชี้วัดสำคัญ ปี2556 รายงานปี2555 ค่าผันแปร รายได้รวม(พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 6.1 4.8 27% กำไรสุทธิ(ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 62 42 48% EBITรายได้จากการดำเนินการก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี(ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 208 170 22% EBITDARรายได้จากการดำเนินการก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า(ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 979 753 30% ปริมาณผู้โดยสาร(ล้าน) 11.5 10.3 12% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารซึ่งคิดเป็นคนต่อกิโลเมตร(พันล้าน) 55.5 47.7 16% ปริมาณผู้โดยสารซึ่งคิดเป็นที่นั่งต่อกิโลเมตร(พันล้าน) 71.1 61 17% ปัจจัยด้านที่นั่ง 78% 78% - จำนวนเครื่องบิน 89 70 +19 พันธมิตรเที่ยวบินร่วม 47 40 +7 รายได้จากการเป็นพันธมิตร(ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 820 629 30% รายได้การขนส่งสินค้า(ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 928 716 30% ระวางน้ำหนักสินค้า(ตัน) 486,753 367,837 32% จำนวนพนักงาน(สายการบินหลัก) 13,535 10,656 27% * งบการเงินประจำปีของสายการบินเอทิฮัดตรวจสอบโดยเคพีเอ็มจี สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้แจ้งให้ทราบในวันนี้เกี่ยวกับผลประกอบการด้านการเงินสำหรับปี 2556 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เป็น 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เป็น 6.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลประกอบการยังแสดงให้เห็น EBIT (รายได้จากการดำเนินการก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี)ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เป็น 208 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ EBITDAR (รายได้จากการดำเนินการก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า)ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เป็น 979 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมีผลต่างร้อยละ 16 ของรายได้ทั้งหมด ผลประกอบการนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในการดำเนินงานเป็นปีที่ 10 ของสายการบิน มร. เจมส์ โฮแกน ประธาน และประธานกรรมการบริหารของสายการบินเอทิฮัดกล่าวว่า “นี่เป็นอีกก้าวที่สำคัญในการเดินทางของเราในฐานะธุรกิจที่กำลังเติบโตและประสบความสำเร็จ เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในแต่ละปีตลอดช่วงระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา นำมาซึ่งการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนให้แก่ธุรกิจที่เติบโตจากรายได้เพียง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2548 ไปเป็น 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน” “เราบรรลุเป้าหมายโดยอาศัยกลยุทธ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราโดยเห็นได้จากการที่เรารวมการเติบโตของอุตสาหกรรมเข้ากับหุ้นส่วนที่หลากหลายและการลงทุนร่วมเข้าถือหุ้นบางส่วนกับสายการบินสำคัญทั่วโลก” “การเดินทางนี้จะเห็นว่าเราวิวัฒนาการจากสายการบินที่ประสบความสำเร็จสูงไปสู่กลุ่มการบินและการเดินทางโดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานและกลยุทธ์ในการพัฒนาในลักษณะก้าวไกลของเราในทศวรรษที่สอง” “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะคืนผลกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นของเรา ขณะเดียวกันเราจะยังคงบทบาทสำคัญในการพัฒนาการค้าและการท่องเที่ยวภายในเมืองอาบูดาบี” รายได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 27 เป็น 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2555 เท่ากับ 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เป็น 11.5 ล้าน (10.3 ล้าน) ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารซึ่งคิดเป็นคนต่อกิโลเมตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เป็น 55.5 พันล้าน (47.7 พันล้าน) ขณะที่ ปริมาณผู้โดยสารซึ่งคิดเป็นที่นั่งต่อกิโลเมตรแสดงถึงศักยภาพในการรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เป็น 71.1 พันล้าน (61 พันล้าน) ตัวเลขเหล่านี้แสดงถึงการเติบโตอย่างเข้มแข็งด้านจำนวนการเดินทางของผู้โดยสาร ภายใน 1 ปีสายการบินเอทิฮัดเพิ่มจุดหมายปลายทางใหม่ขึ้น 6 แห่งซึ่งได้แก่ วอชิงตันดีซี อัมสเตอร์ดัม เซาเปาโล เบลเกรด โฮจิมินห์ซิตี้และซานาและเพิ่มศักยภาพในการรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นใน 18 เส้นทางที่ให้บริการ ในช่วงปลายปี อัตราเฉลี่ยศักยภาพที่นั่งเท่ากับร้อยละ 78 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2555 สายการบินเอทิฮัดได้ประกาศถึงจุดหมายปลายทางใหม่ 9 แห่งสำหรับปี 2557 ซึ่งประกอบด้วยเมืองต่างๆในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ลอสแอนเจลิสและดัลลัส-ฟอร์ตเวิร์ท ประตูสู่ยุโรปโรมและซูริค เมืองชัยปุระของอินเดีย เพิร์ธในออสเตรเลียตะวันตก จังหวัดภูเก็ตในประเทศไทย เมืองเมดินาของซาอุดิอาระเบีย และเมืองเยเรวานในอาร์เมเนีย ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการเติบโตของสายการบินเอทิฮัทในปี 2556 คือกลยุทธ์ทางการเป็นพันธมิตรกับสายการบินต่างๆโดยอาศัยการทำเที่ยวบินร่วมที่มีความหลากหลายและนโยบายการลงทุนร่วมในสายการบินที่สำคัญซึ่งกระตุ้นการขยายตัวของเครือข่าย อันยังผลให้เอทิฮัดเป็นสายการบินที่มีเครือข่ายเส้นทางบินใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง โดยมีจุดหมายปลายทางเกือบ 400 แห่ง เพิ่มโอกาสด้านการขายและการตลาดในตลาดที่สำคัญๆทั่วโลกและเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจตลอดจนช่วยประหยัดต้นทุน กลยุทธ์นี้นำมาซึ่งรายได้จำนวน 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2556 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 (629 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และเท่ากับร้อยละ 21 ของรายได้รวมจากผู้โดยสารของสายการบิน มร. เจมส์ โฮแกน กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรเที่ยวบินร่วมถือเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจของเราในช่วงระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันเราเริ่มลงทุนร่วมซึ่งทำให้เราสามารถสร้างเครือข่ายและตารางบินแบบบูรณการ พัฒนาสินค้าและบริการร่วมกันและที่สำคัญที่สุดคือสามารถกำหนดการร่วมมือด้านธุรกิจและต้นทุน การร่วมมือกันเหล่านี้เป็นประโยชน์ การร่วมมือด้านการจัดซื้อทำให้สมาชิกพันธมิตรที่ร่วมลงทุนทั้งหมดสามารถประหยัดต้นทุนได้มาก ซึ่งทำให้เหล่าสมาชิกพันธมิตรได้เปรียบด้านการแข่งขันเพราะมีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง” นอกจากพันธมิตรร่วมทุนทั้งสี่ที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งได้แก่ สายการบินแอร์เบอร์ลิน สายการบินแอร์ซีเชลส์ เวอร์จินออสเตรเลียและแอร์ลินกัสแล้ว สายการบินเอทิฮัดยังได้ประกาศร่วมลงทุนในอีกสามสายการบินในปี 2556 สายการบินได้รับการอนุมัติด้านกฎระเบียบเมื่อเดือนพฤศจิกายนในการเข้าถือหุ้นร้อยละ 24 ในสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ของอินเดีย ในช่วงปลายปีสายการบินเอทิฮัดกำลังรอการอนุมัติด้านกฎระเบียบสำหรับการลงทุนในอีกสองสายการบินคือการถือหุ้นร้อยละ 49 ในสายการบินแอร์เซอร์เบีย (เดิมชื่อแจ็ทแอร์เวย์) ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของประเทศเซอร์เบียและการถือหุ้นร้อยละ 33.3 ในสายการบินดาร์วินซึ่งเป็นสายการบินระดับภูมิภาคที่มีฐานอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเดือนสิงหาคม สายการบินเอทิฮัดได้ทำแผนสัญญาห้าปีเพื่อบริหารแอร์เซอร์เบียและต่อมาในเดือนพฤศจิกายน สายการบินเอทิฮัดได้ประกาศสร้างแบรนด์ย่อยขึ้นมาใหม่คือ เอทิฮัดรีเจียนนอลโดยสายการบินดาร์วินเป็นสายการบินแรกที่เข้าร่วม สายการบินเอทิฮัดยังได้เพิ่มการถือครองหุ้นในสายการบินเวอร์จินออสเตรเลียจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 19.9 โดยการซื้อเพิ่มในตลาดหลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการตรวจสอบการลงทุนต่างชาติของออสเตรเลียเมื่อกลางปี สายการบินเอทิฮัดได้สนับสนุนสายการบินเวอร์จินออสเตรเลียโดยการเพิ่มทุนจำนวน 350 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย สายการบินเอทิฮัดเริ่มใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกับหุ้นส่วนใหม่ทั้งเจ็ดในปี 2556 โดยการทำสัญญากับสายการบินเซาต์แอฟริกัน แอร์เวย์ สายการบินเคนย่าแอร์เวย์ สายการบินแอร์แคนาดา สายการบินโคเรียนแอร์ สายการบินแอร์เซอร์เบีย สายการบินเบลาเวียและสายการบินแอร์บอลติก โดยมียอดรวมทั้งสิ้นเป็น 47 สายการบิน พร้อมหุ้นส่วนสายการบินร่วมทุนซึ่งทำให้เครือข่ายบริการของสายการบินเอทิฮัดเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 400 จุดปลายทาง ฝ่ายขนส่งสินค้าของสายการบินเอทิฮัดดำเนินการได้อย่างยอดเยี่ยมในตลาดขนส่งทางอากาศที่ซบเซา โดยรายได้จากการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เป็น 928 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (716 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งมีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นจาก 367,837 ตัน เป็น 486,753 ตัน “สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จด้านกลยุทธ์ธุรกิจ” มร. เจมส์ โฮแกน กล่าว “เรากำหนดให้การขนส่งสินค้าเป็นโอกาสในการเติบโตที่สำคัญของสายการบินเอทิฮัดและหุ้นส่วนและการขนส่งสินค้าจะกลายเป็นธุรกิจพันล้านดอลลาร์ในปี 2557” ในปี 2556 สายการบินเอทิฮัดยังได้ลงทุนสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจระยะยาวโดยการทำให้ธุรกิจของสายการบินมีความหลากหลายเพื่อควบคุมมาตรฐานการให้บริการและส่งมอบของสายการบิน ในเดือนมกราคม สายการบินถือกรรมสิทธิ์ในบริษัทสาขาสามแห่งของบริษัทการท่าอากาศยานอาบูดาบี(ADAC) ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนส่งสินค้าอาบูดาบี(ADCC) บริษัทจัดหาอาหารสำหรับเที่ยวบินอาบูดาบี(ADIFC) และธุรกิจในการอำนวยความสะดวกภาคพื้นดินในนามบริษัทบริการท่าอากาศยานอาบูดาบี(ADAS) จากการลงทุนนี้ สายการบินเอทิฮัดได้ก่อตั้งบริษัทสาขาใหม่ที่สายการบินเป็นเจ้าของทั้งหมดคือบริษัทบริการท่าอากาศยานเอทิฮัด ซึ่งปัจจุบันได้เปิดบริการภาคพื้นดิน การขนส่งสินค้าและบริการจัดหาอาหารสำหรับเที่ยวบินในนามเอทิฮัด โดยไม่เพียงให้บริการเฉพาะสายการบินของตนเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมถึงสายการบินอื่นในท่าอากาศยานอาบูดาบี การดำเนินธุรกิจดังกล่าวได้ถ่ายโอนพนักงานใหม่กว่า 4,000 คนไปยังสายการบินเอทิฮัด ในเดือนกุมภาพันธ์ สายการบินได้ปรับใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเซเบอโซนิคซึ่งเป็นระบบการให้บริการแบบเดี่ยวสำหรับผู้โดยสาร ระบบดังกล่าวประกอบด้วยเว็บไซต์ การสำรองที่นั่ง การเช็คอินที่สนามบิน การจัดส่งกระเป๋าและการเรียกคืนกระเป๋า การเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทเซเบอ แอร์ไลน์ โซลูชั่นซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ที่เมืองดัลลัสมีกำหนดระยะเวลาสิบปีโดยมีมูลค่าการลงทุนเป็นเงิน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การพัฒนาสินค้าทั้งหมดที่ดำเนินการโดยสายการบินเอทิฮัดและโอกาสด้านรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น การลงทุนและการเป็นพันธมิตรในปี 2556 ซึ่งรวมถึงการใช้ทำเที่ยวบินร่วมทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถด้านการผลิต ตามข้อบังคับผู้ถือหุ้นของบริษัทซึ่งกำหนดให้สายการบินเป็นองค์กรเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ สายการบินเอทิฮัดได้สร้างหุ้นส่วนด้านการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจาก 60 หุ้นส่วนในปี 2555 ไปเป็นกว่า 70 หุ้นส่วนในปี 2556 สายการบินเพิ่มเงินทุนจำนวน 2.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในตลาดเชิงพาณิชย์ในปี 2556 ซึ่งทำให้มียอดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นเกือบ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยในเบื้องต้นเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาฝูงบิน สายการบินเอทิฮัดยังสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย ราคาเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินและราคาการปล่อยก๊าซคาร์บอน “สถาบันการเงินเหล่านี้ลงทุนในสายการบินเอทิฮัดเนื่องจากพวกเขาเข้าใจรูปแบบธุรกิจของเราและเส้นทางที่เรากำลังเดินพวกเขาเข้าใจถึงธุรกิจที่เติบโตตามธรรมชาติและโดยอาศัยการเข้าซื้อกิจการ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวและการพัฒนาธุรกิจ ตลอดจนการปรับลดความเสี่ยงในทุกพื้นที่” มร. เจมส์ โฮแกน กล่าว ในปี 2556 สายการบินได้รับเครื่องบินโดยสาร 16 ลำ ซึ่ง 11 ลำเป็นเครื่องใหม่ โดยเป็นเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777-300ERs แบบลำตัวกว้างจำนวน 6 ลำ เครื่องบินแอร์บัสแบบลำตัวแคบรุ่น A320-200s จำนวน 4 ลำ และเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A321 ซึ่งเป็นลำแรกของสายการบิน อีกทั้งยังมีเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A330-200s แบบมีลำตัวกว้างจำนวน 5 ลำที่ได้จากเจ็ทแอร์เวย์โดย 3 ลำเป็นการเช่าและอีก 2 ลำได้จากการซื้อ การขนส่งสินค้าของเอทิฮัดได้เพิ่มเครื่องบินบรรทุกสินค้าใหม่ 3 ลำโดย 2 ลำเป็นเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 777-200Fs และ 1 ลำเป็นเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A330-200F 1 ลำ สายการบินยัง “เช่าเครื่องบินพร้อมบริการแบบครบวงจร” โดยเป็นเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 747-400ERF จากสายการบินเคแอลเอ็ม รอยัล ดัทช์ แอร์ไลน์และเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 747-8F จากสายการบินแอตลาสแอร์ของผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาเพื่อทดแทนเครื่องบินลำเก่าสองลำ เดือนพฤศจิกายน 2556 ในโอกาสครบรอบสิบปี สายการบินเอทิฮัดได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะขยายการเติบโตในระยะยาวเมื่อสายการบินได้ประกาศสั่งซื้อฝูงบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยการสั่งซื้อประกอบด้วยเครื่องบินจำนวน 199 ลำและเครื่องยนต์จำนวน 294 เครื่อง โดยมีมูลค่าการสั่งซื้อปัจจุบันประมาณ 67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การสั่งซื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วประกอบด้วยเครื่องบินแอร์บัสจำนวน 87 ลำและเครื่องบินโบอิ้งจำนวน 56 ลำ โดยมีสิทธิ์ในการสั่งซื้ออีกจำนวน 56 ลำเพื่อรองรับโอกาสในการขยายตัวเพิ่ม มิใช่สำหรับแต่เฉพาะสายการบินเอทิฮัดเท่านั้นแต่ยังครอบคลุมถึงสมาชิกพันธมิตรร่วมทุนรายอื่นด้วย การสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ยังรวมถึงสิทธิในการยืดระยะเวลาสำหรับการจัดส่งเครื่องบินหากจำเป็น เมื่อรวมกับการสั่งซื้อในปัจจุบันซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์จำนวน 41 ลำ เครื่องบินแอร์บัสลำใหญ่รุ่น A380 จำนวน 10 ลำและเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350XWB (ลำตัวกว้างเป็นพิเศษ) จำนวน 12 ลำ การประกาศเกี่ยวกับฝูงบินในเดือนพฤศจิกายนทำให้จำนวนเครื่องบินใหม่ของสายการบินที่ได้รับการยืนยันการสั่งซื้อแล้วเพิ่มเป็นกว่า 220 ลำ ในปี 2557 สายการบินเอทิฮัดวางแผนที่จะนำเสนอเครื่องบินใหม่จำนวน 18 ลำซึ่งรวมถึงเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ดรีมไลเนอร์และเครื่องบินแอร์บัสขนาดใหญ่รุ่น A380 โดยทั้งสองรุ่นมีกำหนดส่งในไตรมาสที่สี่ สายการบินยังได้ทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในเครื่องบินโบอิ้ง 777-200LR จำนวน 5 ลำจากสายการบินแอร์อินเดียในช่วงปลายเดือนธันวาคมเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเครือข่ายอีกด้วย นอกจากเครื่องบินลำใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการขนส่งแล้ว สายการบินเอทิฮัดยังลงทุนอย่างต่อเนื่องในสินค้าใหม่ระหว่างปี 2556 การลงทุนดังกล่าวประกอบด้วยแอร์พอร์ตเลานจ์ใหม่ที่มีความหรูหราที่วอชิงตันดีซีและปารีส เลานจ์สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจและชั้นเฟิร์สคลาสที่อาบูดาบีและการเริ่มนำเสนอบริการวายฟาย การเชื่อมต่อโทรศัพท์และทีวีถ่ายทอดสดบนเที่ยวบิน สายการบินยังได้เปิดตัวบริการพี่เลี้ยงเด็กบนเที่ยวบินโดยจัดให้มีการฝึกอบรมเป็นพิเศษสำหรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจำนวนกว่า 750 คนเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่เดินทางพร้อมเด็กเล็ก มาตรการเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายตัวของสายการบินคือการหาสมาชิกเพิ่มสำหรับโปรแกรมเอทิฮัดเกสต์รอยัลตี้ ในปี 2556 จำนวนสมาชิกได้เพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านเป็น 2.3 ล้าน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 การเพิ่มขึ้นของสมาชิกใหม่โดยเฉลี่ยเท่ากับ 1,100 คนต่อวัน ในช่วงสิ้นปี 2556 สายการบินเอทิฮัดมีพนักงานจำนวน 13,535 คนในธุรกิจสายการบินหลัก โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากพนักงานจำนวน 10,656 คนในปี 2555 เมื่อรวมกับพนักงานบริษัทบริการท่าอากาศยานเอทิฮัดซึ่งเป็นบริษัทสาขาใหม่แล้ว กลุ่มบริษัทมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 17,603 คนจาก 142 ประเทศ ในจำนวนนี้ สายการบินหลักมีพนักงานสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำนวน 1,468 คนซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากปี 2555 โปรแกรมการจ้างงานของสายการบินเอทิฮัดประกอบด้วยนักบินนายร้อย วิศวกรและผู้จัดการในด้านการขายและที่สนามบิน “ท่ามกลางความยุ่งยากทางด้านเศรษฐกิจและสภาพภูมิศาสตร์ด้านการเมืองตลอดจนการแข่งขันที่เป็นไปอย่างเข้มข้นในตลาดหลักทั้งในตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลียและอเมริกา ในปี 2556 สายการบินยังคงมีผลประกอบการที่โดดเด่น” มร. เจมส์ โฮแกน กล่าว “ตลาดโลกยังคงมีความท้าทายสำหรับปี 2557 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจระดับมหภาคกำลังพัฒนาในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญทั่ว โลก เราเชื่อในรูปแบบใหม่ของเราและการลงทุนของเราในสินค้า บริการและโครงสร้างพื้นฐานซึ่งหมายความว่าสายการบินเอทิฮัดยังคงมีการขยายตัวในระดับสูงในขณะเดียวกันสายการบินก็ให้ความสำคัญกับการบริการ เหตุการณ์สำคัญในปี 2556 - การสั่งซื้อเครื่องบินจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สายการบินเอทิฮัด พร้อมสิทธิในการสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งและแอร์บัสจำนวน 199 ลำ โดยมีมูลค่าสูงถึง 67 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - เข้าถือหุ้นร้อยละ 24 ในสายการบินเจ็ทแอร์เวย์ของอินเดีย - ลงนามในสัญญาการบริหารจัดการระยะเวลาห้าปีกับสายการบินแอร์เซอร์เบียและประกาศการถึงจุดมุ่งหมายในการถือหุ้นร้อยละ 49 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ - ประกาศจุดมุ่งหมายในการเข้าถือหุ้นร้อยละ 33.3 ในสายการบินดาร์วินซึ่งเป็นสายการบินระดับภูมิภาคของสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบ - ประกาศแบรนด์เอทิฮัดรีเจียนนอล - เพิ่มการร่วมทุนในสายการบินเวอร์จินออสเตรเลียจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 19.9 และเพิ่มเงินลงทุนเป็นจำนวน 350 ดอลลาร์ออสเตรเลีย - รวมสายการบินแอร์ซีเชลส์และแอร์เซอร์เบียเข้าในโปรแกรมเอทิฮัดเกสต์รอยัลตี้ - ถือครองกรรมสิทธิ์ในสามบริษัทที่ได้มาจากบริษัทท่าอากาศยานอาบูดาบีและก่อตั้งบริษัทบริการท่าอากาศยานเอทิฮัด บริษัทจัดหาอาหารบนเที่ยวบินในนามเอทิฮัด บริการภาคพื้นดินและฝ่ายขนส่งสินค้า - เปิดเส้นทางใหม่ในการขนส่งผู้โดยสารไปยังวอชิงตันดีซี อัมสเตอร์ดัม เซาเปาโล เบลเกรด โฮจิมินห์ซิตี้และ ซานา - เพิ่มเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางทั้ง 18 แห่งที่ให้บริการอยู่แล้วในกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย แอฟริกา เอเชีย อินเดีย ปากีสถานและรัสเซีย - เพิ่มการเป็นพันธมิตรเที่ยวบินร่วมจาก 40 สายการบินเป็น 47 สายการบิน โดยเพิ่มเซาท์แอฟริกันแอร์เวย์ เคนย่าแอร์เวย์ แอร์แคนาดา โคเรียนแอร์ แอร์เซอร์เบีย เบลาเวียและแอร์บอลติก - ประกาศการเป็นพันธมิตรเที่ยวบินร่วมกับอีเจียนแอร์ไลน์และดาร์วินแอร์ไลน์ช่วงต้นปี 2557 - ประสบความสำเร็จในการขยายตัวร้อยละ 32 ด้านปริมาณการขนส่งสินค้าที่ให้บริการโดยเอทิฮัด มีผลประกอบการยอดเยี่ยมท่ามกลางตลาดการขนส่งทางอากาศของโลกที่ซบเซา - ขยายการขนส่งสินค้าที่ให้บริการโดยเอทิฮัดซึ่งรวมถึงบริการรอบโลกรายสัปดาห์ซึ่งเป็นบริการใหม่ด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 747-8 และเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางใหม่อื่นๆ - ได้รับรางวัลจำนวน 18 รางวัลรวมถึงการได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ห้าสำหรับ “สายการบินชั้นนำระดับโลก” ณ เวิล์ด ทราเวล อวอร์ด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ