กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--เอ็กโก กรุ๊ป
บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ปเปิดเผยผลการดำเนินงานตลอดปี 2556เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้พร้อมเผยกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2557 เน้นขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมุ่งแสวงหาโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องแล้ว เพื่อรับรู้รายได้ทันที รวมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในโครงการ Greenfield เพื่อเสริมสร้างรายได้ในระยะยาวมุ่งเป้ารักษาระดับรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อยร้อยละ 10
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ปประกาศผลการดำเนินงานประจำปี2556 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ว่าดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยบริษัทฯ มีกำไรก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax)และค่าตัดจำหน่ายส่วนที่ตีราคาสินทรัพย์เพิ่มของเคซอน (Amortisation of fair value uplift of Quezon)จำนวน 7,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 จำนวน 1,545 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 25.50 และมีสินทรัพย์รวมจำนวน 130,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20,548 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.61
สำหรับการดำเนินงานทางธุรกิจในปี2556เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศหลายแห่งและยังขยายการลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการรุกเข้าสู่ประเทศออสเตรเลียได้เป็นผลสำเร็จ โดยผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“บึงสามพัน” จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4ที่ดำเนินการโดยบริษัทจี-พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด (จีพีเอส) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“ลพบุรี โซลาร์ ส่วนขยาย”จังหวัดลพบุรีที่ดำเนินการโดยบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ จำกัด (เอ็นอีดี)โรงไฟฟ้าพลังงานลม “เทพพนา” จังหวัดชัยภูมิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้โครงการ “โซลาร์โก” ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้า “ไทรใหญ่ 1” “ไทรใหญ่ 2” “ไทรเพชร1” “ไทรเพชร2” “ไทรเพชร3” จังหวัดนครปฐม และ “ไทรเขียว” จังหวัดสุพรรณบุรีรวมปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้นของทุกโครงการประมาณ41เมกะวัตต์
นอกจากนั้น ยังมีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในประเทศ จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขาย 930 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ชัยภูมิ วินด์ฟาร์ม”จังหวัดชัยภูมิ ปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 81เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างสำหรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในต่างประเทศ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “โบโค ร็อค วินด์ฟาร์ม”รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย มีปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขาย113 เมกะวัตต์ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว จำนวน20 แห่ง คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 4,518เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นปริมาณพลังไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ1,613 เมกะวัตต์
เปิดแผนธุรกิจปี 57เล็งลงทุนในโครงการที่รับรู้รายได้ทันที และGreenfield
นายสหัส เปิดเผยว่า“ในปี 2557 เอ็กโก กรุ๊ปยังคงมุ่งรักษาระดับรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อย่างน้อยร้อยละ10โดยเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าเป็นหลัก ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพราะเป็นธุรกิจที่เราเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนาน”
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจบริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจไว้2ระยะ คือ แผนการลงทุนระยะสั้นมุ่งแสวงหาโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ที่เดินเครื่องแล้วเพื่อช่วยให้บริษัทรับรู้รายได้ทันทีหรือในระยะเวลาอันสั้น และแผนการลงทุนระยะยาวมุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนในโครงการ Greenfield เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาวหากเป็นการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทจะใช้ประโยชน์จากโครงการที่มีอยู่แล้วเป็นฐาน เพื่อขยายโอกาสการลงทุนในอนาคต
ในขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญในด้านการบริหารสินทรัพย์ซึ่งเป็นโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว โดยมีแผนการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทที่เข้าไปร่วมลงทุนเพื่อให้มั่นใจว่าผลตอบแทนที่ได้รับจากโครงการเหล่านี้เป็นไปตามที่ได้ประมาณการไว้
“นอกจากการสร้างความเติบโตทางธุรกิจแล้ว เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยที่สุดในการผลิตไฟฟ้า ตลอดจนลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ ในการลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล รวมทั้งใส่ใจต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งนี้ ในปี 2556 ได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่มุ่งเป็นบริษัทไทยชั้นนำ ที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยความใส่ใจที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม” นายสหัสกล่าวสรุป