กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บอร์ด AGE ไฟเขียว ตั้ง “ อภิสทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ” นั่งตำแหน่ง กรรมการและรองประธานกรรมการบริษัท พร้อมถือหุ้นบริษัทฯจำนวน 10 ล้านหุ้น มั่นใจกรรมการคนใหม่ จะเสริมศักยภาพ ด้านธุรกิจพลังงานของบริษัทฯ ด้าน “ พนม ควรสถาพร ” ระบุ ในอนาคต AGE จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังได้แม่ทัพใหม่ มาช่วยเสริมสร้างธุรกิจทั้งถ่านหินและโรงไฟฟ้า พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น ในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ให้บรรดาผู้ถือหุ้น แย้มผลงานไตรมาสแรกปีนี้ ดีกว่าปีก่อน เกือบ100% เหตุออเดอร์ล้น เชื่อปี 57 ผลงานเข้าเป้ายอดขายถ่านหินแตะ 4 ล้านตัน
นายพนม ควรสถาพร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการและรองประธาน บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) พร้อมถือหุ้นบริษัทฯในสัดส่วน จำนวน 10 ล้านหุ้น สำหรับ การเข้ามาร่วมบริหารงานของ นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ในครั้งนี้ จะเข้ามาสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มศักยภาพภายในองค์กรได้อย่างมาประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งอดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าระหว่างประเทศ บมจ.ปตท (PTT) และยังเป็นคณะกรรมการบริหาร ทางด้านกลุ่มธุรกิจพลังงาน ในเครือบมจ.ปตท.อีกหลายแห่ง ดังนั้นจึงมองว่าการเข้ามาร่วมบริหารงานใน AGE ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพ และ วิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจพลังงานมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้ที่มีประสบการณ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงาน เนื่องจาก AGE เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านธุรกิจพลังงานถ่านหิน และ ธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท เอจีอี พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด จึงเชื่อว่าจากประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ของนายอภิสิทธิ์ ก็เข้ามาเสริมสร้างทีมบุคลากร และ องค์กร ของAGE ให้มีศักยภาพความแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต
“ การเข้ามาดำรงตำแหน่งในการบริหารงาน ของนายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ในครั้งนี้ นอกจากจะเข้ามานั่งในเป็นกรรมการและรองประธาน บริษัทฯแล้ว ยังเข้ามาถือหุ้น AGE จำนวน 10 ล้านหุ้น เช่นเดียวกัน ซึ่งป็นการแสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ มีความเชื่อมั่นในตัวบริษัทฯ และพร้อมจะนำพา AGE ให้มีความแข็งแกร่งในธุรกิจพลังงาน อย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต” นายพนม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี2557 บริษัทฯมีแผนลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้า จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1.โครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 2 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพขนาด 1 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุน 170 ล้านบาท และ 2.โครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าชีวมวล โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชั่น ขนาด 9 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการบริษัทฯ จะลงทุนผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท เอจีอี พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด โดยถือหุ้นในโครงการแรกในสัดส่วน 90% เบื้องต้นคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการแรกในไตรมาส 1 ของปี 2558 ประมาณ 70 ล้านบาทต่อปี
“ สาเหตุที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุนใน บริษัท เอจีอี พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด นั้น เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต และถือเป็นการต่อยอดธุรกิจพลังงานและขยายฐานธุรกิจให้ AGE อีกทางหนึ่ง สำหรับโครงการลงทุนของ เอจีอี พาวเวอร์ฯ ในปี 2557 มี 2 โครงการคือ ลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 2 เมกะวัตต์ และก๊าซชีวภาพขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จภายในช่วงต้นปี 2558 ส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งที่สอง บริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด จะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งใหม่ ถือหุ้นในสัดส่วน 70% ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าชีวมวล โดยจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทโคเจนเนอเรชั่น ขนาด 9 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพิจิตร ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท เป็นการลงทุนแบบ Greenfield Project คาดว่าการขอใบอนุญาตและการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2559 โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2559
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดปี 2556 (มกราคม – ธันวาคม 2556 ) อนุมัติจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2556 โดยการจ่ายเป็นหุ้นปันผล จำนวน 140,873,371 หุ้น ในอัตรา 10 หุ้น เดิมต่อ 1 หุ้นปันผล นอกจากนี้ยังมีการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.00278 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 และ ปิดสมุดทะเบียนวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2557
สำหรับ แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2557 นั้น คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 100 % เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2556 จากบริษัทฯ เนื่องจากยอดขายในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากการพยายามขยายตลาดของบริษัท ขณะที่ผลการดำเนินงานทั้งปี2557 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินไว้ที่ระดับ 4 ล้านตัน โดยเน้นขยายตลาดในต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้ปริมาณความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้น