กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล
ใครๆ ก็เป็นเจ้าของแบรนด์ได้ แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางที่ประสบความสำเร็จ? คำถามนี้เชื่อว่าน่าจะแทงใจของผู้ลงทุนหลายๆ คน และได้กลายเป็นโจทย์การทำงานของ คุณวุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้า ด้วยไอเดียการทำธุรกิจที่แตกต่าง และพร้อมที่จะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกค้าผู้มีฝันทุกคน
- ให้บริการเป็นระบบ ครบวงจร
ควอลิตี้ พลัส ก่อตั้งเมื่อปี 2552 โดยเริ่มต้นจากบริษัทผู้รับจ้างผลิต OEM รายเล็กๆ ที่เติบโตขึ้นเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงอย่างน่าจับตาในปัจจุบัน กำลังหลักสำคัญขององค์กร คือ คุณวุฒิพงษ์ ผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงที่เก่งฉกาจทั้งทางด้านบริหารจัดการ และมีไอเดียในการทำตลาดมากมาย เมื่อได้มาจับธุรกิจความงามที่ถือเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ก็กลายเป็นแรงส่งซึ่งกันและกัน ทำให้ควอลิตี้ พลัส เป็นที่รู้จักของผู้ที่ต้องการจะมีสินค้าความงามภายใต้แบรนด์ของตนเองในเวลาอันรวดเร็ว
“เราคือผู้ผลิตเครื่องสำอางและรับสร้างแบรนด์มืออาชีพ โดยให้บริการในรูปแบบ iOBM หรือ Integrated Original Brand Manufacturing โดยเน้นหนักไปที่การบริการให้คำปรึกษาอย่างรอบด้านควบคู่ไปกับการรับจ้างผลิต อาทิ การวางแผนผลิตภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาสูตรที่ตอบโจทย์ความต้องการ การเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยงานดีไซน์ รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ และการให้คำปรึกษาด้านการตลาด โดยเราจะมีพนักงานของเราที่เรียกว่า Project Management หรือผู้ดูแลโปรเจ็คส์คอยให้คำปรึกษาและช่วยเหลือลูกค้าในทุกๆ เรื่อง เพื่อให้ลูกค้าประสบความสำเร็จไปกับเรา”
การนำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งมาเป็นเครื่องมือในการแนะนำบริษัท ช่วยให้ลูกค้ารู้จัก ควอลิตี้ พลัส ในวงกว้างมากขึ้น ทั้งการทำ SEO เฟซบุ๊คแฟนเพจ เมื่อประกอบกับการที่ลูกค้ามาใช้บริการแล้วเกิดความประทับใจในการทำงานที่เป็นระบบ เหมือนได้ทำงานกับบริษัทมืออาชีพขนาดใหญ่ แต่มีการบริหารงานที่คล่องตัวกว่า ก็เกิดการบอกปากต่อปาก ยิ่งเพิ่มน้ำหนักในใจสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะตัดสินใจลงทุนมากยิ่งขึ้น
“เรามุ่งหวังว่าลูกค้าที่จะมาผลิตสินค้าและสร้างแบรนด์กับเราจะได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งการที่เราเชื้อเชิญลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมออฟฟิศของเราที่ตั้งอยู่ในย่านดอนเมือง จะทำให้เราได้มีโอกาสนำเสนอผลิตภัณฑ์ความงามที่เรามีความเชี่ยวชาญอย่างหลากหลาย และที่สำคัญคือ การสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในองค์กรเป็นอันดับแรก”
- สร้างจุดแข็งเรื่อง R&Dผลิตภัณฑ์ความงามที่ ควอลิตี้ พลัส ให้บริการรับผลิตครอบคลุมสินค้าสกินแคร์ทุกประเภท ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แต่หากถามถึงความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษแล้ว คุณวุฒิพงษ์ยกให้กับผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับหน้า 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว (Whitening) และผลิตภัณฑ์ชะลอวัย (Anti-Aging) รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (Hair Care) เนื่องจากบริษัทมีพันธมิตรที่ดี เป็นบริษัทผู้คิดค้นและวิจัยสูตรผลิตเครื่องสำอางในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
“งาน R&D ของเราค่อนข้างแข็งแรง เนื่องจากเรามีความร่วมมือกับห้องแล็บในญี่ปุ่น เช่น I.T.O. Laboratory และ FUJI-SANGYO โดยเราสามารถนำสูตรหรือสารสกัดที่ได้รับการคิดค้นจากญี่ปุ่นมาใช้ผลิตสินค้าที่เมืองไทยได้ ขณะเดียวกัน เขาก็สามารถนำสูตรหรือสารสกัดที่แล็บของเราพัฒนาขึ้นมา เช่น สารสกัดจากสมุนไพรไทย ไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ได้ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน
ความโดดเด่นนี้ถือเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า เพราะในขณะที่บริษัทผู้รับผลิตทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะนำเข้าสารสำคัญมาจากยุโรป ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเกิดการชนกันหรือซ้ำกันในตลาด เนื่องจากใช้สารสำคัญตัวเดียวกัน แต่สำหรับ ควอลิตี้ พลัส เราตั้งใจจะมอบสารสำคัญหรือสารสกัดพิเศษให้กับลูกค้า เช่น เซรั่มปลูกขนตายาว สกัดจากรากหม่อน ซึ่งทางยุโรปยังสกัดไม่ได้ แต่วิทยาการของญี่ปุ่นสามารถทำได้ เราก็นำเข้ามาเป็นเจ้าเดียวในเมืองไทย หรือสารสกัดวิตามินซีเข้มข้นในรูปแบบนาโนเทคโนโลยี ด้วยอนุภาคที่เข้มข้น ทำให้ซึมซาบเร็วและเห็นผลได้ดีกว่า ความพิเศษเหล่านี้สามารถนำไปสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
- เริ่มต้น 50,000 บ. กับแผนการตลาดที่ชัดเจน
ผู้ที่สนใจอยากจะผลิตเครื่องสำอาง สร้างแบรนด์เป็นของตนเองกับควอลิตี้ พลัส นอกจากจะต้องมีงบประมาณการลงทุนในเบื้องต้น อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘แผนการตลาด’ ที่ลูกค้าจะต้องเตรียมไว้ในใจ เพื่อที่จะได้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ Project Management สำหรับใช้วางแผนและออกแบบความสำเร็จร่วมกัน
“ส่วนใหญ่เราจะถามลูกค้าก่อนว่า ส่วนแบ่งตลาดที่ลูกค้าเลือกไว้คือส่วนไหน หากเฉพาะเจาะลึกลงไปอีกก็ต้องการจะทราบว่าตลาดเป้าหมายของลูกค้าคือกลุ่มใด ความชัดเจนของข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมมาตอบโจทย์ให้กับลูกค้า รวมถึงกำหนดตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ในตลาดได้อย่างถูกต้อง”
ถือเป็นการลดความเสี่ยงในระดับหนึ่งให้กับลูกค้า และช่วยให้ลูกค้าผู้ลงทุนเห็นภาพชัดเจนในการทำธุรกิจมากขึ้น เพราะหากลูกค้าให้ความสำคัญกับการเลือกผลิตภัณฑ์จากแคตตาล็อคก่อน โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องตลาดเลย เมื่อสินค้าผลิตออกมา ย่อมจะประสบปัญหาว่าจะขายให้ใคร แล้วจะขายอย่างไร สุดท้ายสินค้าที่คาดว่าจะขายได้ก็อาจกลายเป็นสต็อกกองค้างอยู่ที่บ้าน
ในเรื่องของเงินลงทุนเบื้องต้น คุณวุฒิพงษ์แนะนำว่าเพียงมีงบประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป ก็สามารถเริ่มต้นผลิตเครื่องสำอางคุณภาพและสร้างแบรนด์กับควอลิตี้ พลัส ได้แล้ว โดยก่อนเดินเครื่องผลิตสินค้าตามสั่ง เจ้าหน้าที่ Project Management จะช่วยวางแผนต้นทุนให้ด้วย เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของการทำธุรกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะกลายมาเป็นต้นทุนของสินค้า ราคาขายที่แนะนำ กำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะได้รับ และจุดคุ้มทุนในการทำธุรกิจ ถือเป็นบริการพิเศษที่ควอลิตี้ พลัส มอบให้กับลูกค้าด้วยความจริงใจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น
- คว้าโอกาสเติบโตกับธุรกิจมาแรงแห่งยุค
สำหรับผู้ที่กำลังลังเล ไม่กล้าที่จะลงทุน เนื่องจากขาดความมั่นใจในสภาะเศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงขอย้ำเพื่อสร้างความมั่นใจเลยว่า…
“ธุรกิจความงามเติบโตสวนกระแสสถานการณ์บ้านเมืองครับ โดยอ้างอิงจากยอดขายของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดี มีลูกค้าติดต่อเข้ามาสั่งผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งลูกค้าดั้งเดิมและลูกค้าใหม่ ดังนั้น ตลาดความงามไม่มีวันตาย จนกว่าผู้หญิงจะสามารถเดินออกจากบ้านได้โดยที่ไม่ต้องแต่งหน้า โดยตลาดความงามภายในประเทศมีมูลค่า 9 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดส่งออกมีมูลค่าอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท ทั้งสองตลาดยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ต้องยอมรับว่ายุคนี้เป็นยุคของธุรกิจความงามและสุขภาพอย่างแท้จริง มีการคาดการณ์ว่าอีก 10 ปีข้างหน้า ตลาดจะเติบโตขึ้นอีก 100% ทำให้ตลาดความงามมีมูลค่ารวมสูงขึ้นถึง 4 แสนล้านบาท”
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าที่ไว้วางใจใช้บริการจากควอลิตี้ พลัส มีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง กลุ่มคลินิกเสริมความงาม กลุ่มเจ้าของแบรนด์ที่ขายสินค้าผ่านทางโมเดิร์นเทรด หรือร้านสะดวกซื้อ กลุ่มเชนสโตร์ กลุ่มธุรกิจขายตรง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ที่เลือกลงทุนทำธุรกิจความงามแล้วประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ
“ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ Project Management ของเรา ดูแลแบรนด์ให้กับลูกค้ากว่า 200 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 500 เอสเคยู ที่น่าสนใจคือ อัตราในการกลับมาสั่งผลิตสินค้าเพิ่มอยู่ที่ประมาณ 90% เพื่อนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ต่อทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ที่ผ่านมามีหลายแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จไปกับเรา เช่น มีลูกค้ารายหนึ่งลงทุนประมาณหลักแสน ปัจจุบันยอดขายอยู่ที่ 20-30 ล้านบาทต่อเดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือน อีกรายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ลงทุนเริ่มแรก 60,000 บาท ผลิตและขายสินค้าเพียงตัวเดียว ปัจจุบันยอดขายอยู่ที่เดือนละประมาณ 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีส่วนทำให้การสร้างแบรนด์ประสบความสำเร็จมี 4 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1. คุณภาพของสินค้า 2. กระบวนการสร้างแบรนด์ 3. การวางแผนต้นทุน และ 4. การตลาด ซึ่งเราสามารถให้การสนับสนุนลูกค้าได้อย่างครบวงจร แต่เราจะไม่นำเสนอขายลูกค้าโดยคำนึงถึงผลกำไรของบริษัทเป็นหลัก เราจะเน้นนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสที่จะเติบโตในตลาด และไม่มีรายไหนทำ โดยจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าที่เข้ามาคุยก่อน เพื่อเป็นแต้มต่อให้ลูกค้าสามารถสร้างแบรนด์ ทำธุรกิจให้เติบโตได้ เพราะถ้าลูกค้าเติบโต บริษัทของเราก็จะเติบโตตามลูกค้าเช่นกัน”
ซึ่งในปี 2556 ที่ผ่านมา ควอลิตี้ พลัส ก็เติบโตอย่างน่าพึงพอใจประมาณ 270% และในปีนี้คุณวุฒิพงษ์ก็ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจในส่วนต่างๆ เพื่อรองรับกำลังการผลิตของทั้งลูกค้าและบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
- ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้าน Brand Management
ด้านแผนการพัฒนาธุรกิจของควอลิตี้ พลัส ในปีนี้ คุณวุฒิพงษ์เผยความตั้งใจว่าจะก่อตั้ง Bangkok Professional Skin Care Laboratory เพื่อให้บริการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวและทดสอบประสิทธิภาพของครีมแบบครบวงจร ตลอดจนการจัด Visitor Line เข้าพบทีม R&D เพื่อให้คำปรึกษาด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าเอกซคลูซีฟ
สำหรับเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Whitening, Anti-Aging และ Hair Care นั้น หัวใจสำคัญอยู่ที่ ‘สารสกัด’ ซึ่งนอกจากจะมีความร่วมมือกับ I.T.O. Laboratory และ FUJI-SANGYO ประเทศญี่ปุ่น บริษัทยังมีโครงงานวิจัยและโครงการจดสิทธิบัตรร่วมกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐชั้นนำอีกหลายแห่ง ในขณะเดียวกันก็ยังมีแผนเปิด Extract Laboratory เพิ่มเพื่อศึกษาวิจัยทางด้านสารสกัดโดยเฉพาะ เช่น สารสกัดจากดอกพญาเสือโคร่ง สารสกัดจากไหมที่ช่วยในเรื่องของการชะลอวัย และทำให้หน้าดูขาวใสขึ้น การเพิ่มทีมกราฟฟิคประจำบริษัท รองรับงานด้านการออกแบบทั้งหมด อาทิ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ แบรนด์โลโก้ สื่อและอุปกรณ์การขายต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจลูกค้าอย่างครบวงจร
ขณะที่แผนครึ่งปีหลังนั้น คุณวุฒิพงษ์เผยว่ามีแผนจะลงทุนเพิ่มประมาณ 20-30 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานผลิตขนาดใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้าในอนาคต และการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะพิจารณาจากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้นประกอบด้วยเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายไลน์การผลิตอาหารเสริม และพัฒนาระบบการผลิตเพื่อมุ่งสู่มาตรฐาน GMP, HALAL และ ISO ต่อไป
“ควอลิตี้ พลัส เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับบุคลากรมาก บุคลากรถือเป็นสินทรัพย์ของบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุด เพราะเราได้คนเก่งที่มีความสามารถสูงมาร่วมงาน ส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรง จบเกียรตินิยม มีทัศนคติที่ดี เรียกว่าได้คนเก่งที่เป็นคนดีมาทำงานด้วยกัน บุคลากรเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญที่จะส่งมอบความสำเร็จให้กับลูกค้า ซึ่งในปีนี้เราตั้งเป้าหมายไว้ว่า ควอลิตี้ พลัส จะเป็นบริษัทอันดับ 1 ในเรื่องของ Brand Management และจะเติบโตเป็นอันดับ 1 ในบริษัทผู้ผลิตขนาดกลาง ด้วยอัตราเติบโตประมาณ 400%”
กล่าวได้ว่า เข้ามาที่ควอลิตี้ พลัส ที่เดียว พร้อมกับแผนการตลาดและงบประมาณเบื้องต้น ลูกค้าก็จะได้รับสินค้าคุณภาพที่ผลิตภายใต้มาตรฐานสากล กลับออกไปพร้อมกับความสำเร็จที่ปูทางรออยู่แล้วเบื้องหน้า
ข้อมูลธุรกิจ
บริษัท ควอลิตี้พลัส เอสเทติค อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด
179/18-20 ถ.นาวงประชาพัฒนา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
โทร. 0 2565 5985-7, 08 1563 3322, 08 9056 5651, 08 7795 3999
www.qualityplus.co.th