กรุงเทพ--24 ต.ค.--สำนักงานเขตกทม.
วันที่ 22 ต.ค. 40 ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหาร ตรวจจับรถควันดำ-ควันขาว บริเวณ ถ.รัชดาภิเษก หน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย
ภายหลังการตรวจฯ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า จากการตรวจสภาพรถพบว่ามี 1 ใน 3 เป็นรถที่มีควันดำ-ควันขาวเกินมาตรฐาน ส่วนที่ยังเป็นปัญหาหนักใจในขณะนี้คือ สถานบริการตรวจสอบและแก้ไขเครื่องรถยังมีไม่ทั่วถึง ทั้งนี้ทางกรมควบคุมมลพิษมีสถานรับตรวจ 100 กว่าแห่ง กรมการขนส่งทางบกมี 70 กว่าแห่ง สำหรับกรุงเทพมหานครมีสถานที่รับตรวจและแก้ไข 8 แห่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่เพียงพอกับปริมาณรถที่มีอยู่ จึงอยากให้สถานการณ์บริการเกี่ยวกับรถยนต์หันมาสนใจในเรื่องแก้ไข ปรับปรุงเครื่องยนต์ที่มีควันดำ-ควันขาว มากขึ้น
ดร.พิจิตต รัตตกุล กล่าวต่อไปว่า สำหรับจุดตรวจจับรถควันดำ-ควันขาว ขณะนี้มีเพียง 20 จุด เท่านั้น ซึ่งยังไม่เพียงพอ กทม.จำเป็นจะต้องเพิ่มจุดตรวจให้ครบ 40 จุด ในต้นเดือนหน้าโดยกำลังหารือทางตำรวจอยู่ อย่างไรก็ดีการเพิ่มประสิทธิภาพหรือความสำเร็จในการลดมลพิษไม่ได้ขึ้นอยู่กับจุดตรวจ - จับของกรุงเทพมหานคร แต่จะขึ้นอยู่กับเจ้าของรถที่มีความตั้งใจในการนำรถไปตรวจสภาพและแก้ไขปรับปรุงไม่ให้มีควันพิษ
ส่วนปัญหารถประจำทางของขสมก. นั้น ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ทางผู้อำนวยการขสมก. รับว่าจะดำเนินการเข้มกับรถเมล์โดยเฉพาะรถร่วม ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหามาก และหากเตือนแล้วยังมีการฝ่าฝืน หรือไม่ปรับปรุงสภาพรถให้ดีขึ้น ทางขสมก.จะพิจารณายกเลิกสัมปทานก็ได้
จากกรณีที่สงสัยว่า การตรวจสอบสภาพรถบนถนนที่มีการตรวจจับ กับตามสถานที่ตรวจสภาพรถตามโรงเรียนฝึกอาชีพ นั้น จะเอาอะไรเป็นเกณฑ์มาตรฐาน ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ให้ถือเกณฑ์การวัดบนจุดตรวจริมบาทวิถีเป็นหลัก โดยรถที่ผ่านหลักเกณฑ์การตรวจสภาพมีค่าควันดำไม่เกิน 70% และรถที่ผ่านการตรวจวัด ทาง กทม.จะมีสัญลักษณ์แสดงให้กับรถทุกคันด้วย
สรุปผลการดำเนินการตรวจจับควันดำ-ควันขาว 20 จุด ตั้งแต่วันที่ 15-20 ต.ค. 40 มีจำนวนรถยนต์ที่ผ่านการเรียกตรวจวัดทั้งสิ้น 5,237 คัน ผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนด 3,745 คัน และไม่ผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนด 1,492 คัน--จบ--