กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--บีโอไอ
บีโอไอเผยยอดคำขอรับส่งเสริมช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2557 พบว่านักลงทุนส่วนหนึ่งอาจรอดูสถานการณ์ภายในประเทศไทยก่อน จึงส่งผลให้จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนที่ยื่นขอส่งเสริมลดลง ขณะที่หลายกลุ่มอุตสาหกรรมยังมั่นใจจึงตัดสินใจยื่นขอส่งเสริม อาทิ กลุ่มยานยนต์ ปิโตรเคมี บริการและสาธารณูปโภค ส่วนการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ แม้ภาพรวมจะลดลง แต่มีหลายชาติขยายลงทุนเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงสถิติการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2557 (มกราคม – กุมภาพันธ์ 2557) ว่า มีจำนวนโครงการยื่นขอรับส่งเสริม 188 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 63,100 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลงร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการยื่นขอรับส่งเสริมรายอุตสาหกรรม จะพบว่า มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีการขยายการลงทุนในระดับหมื่นล้านบาท อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กระดาษและพลาสติก มีมูลค่าเงินลงทุนของโครงการทั้งหมดที่ยื่นขอรับส่งเสริม 22,500 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องจักร มีมูลค่าเงินลงทุน 17,400 ล้านบาท และกลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค มีมูลค่าเงินลงทุน 13,500 ล้านบาท
“ นักลงทุนส่วนหนึ่งอาจยังรอดูสถานการณ์ภายในประเทศของไทยก่อน จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ชะลอแผนการยื่นขอรับส่งเสริมออกไปก่อน แต่ก็ยังมีนักลงทุนอีกหลายกลุ่ม รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้ยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่ายังมีกลุ่มนักลงทุนที่เดินหน้าขยายการลงทุนในประเทศไทยอยู่ ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่พบสัญญาณใดๆ ที่นักลงทุนจะถอนการลงทุนหรือย้ายฐานการผลิตไปจากประเทศไทย” เลขาธิการบีโอไอกล่าว
นายอุดมกล่าวด้วยว่า ในปี2557 นี้ บีโอไอ ยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนอื่นๆ ที่จะช่วยดึงดูดการลงทุน อาทิ โครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ อีโคคาร์ ระยะ 2 ซึ่งขณะนี้มีการยื่นขอรับส่งเสริมเข้ามาแล้ว และจะเปิดให้ค่ายรถยนต์ยื่นคำขอการลงทุนได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการเอสเอ็มอี ซึ่งจะสิ้นสุดการให้ส่งเสริมในสิ้นปีนี้
ยอดเอฟดีไอลด แต่หลายชาติขยายลงทุนเพิ่ม
นายอุดมกล่าวถึงการยื่นขอรับส่งเสริมของโครงการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2557 ด้วยว่า แม้ในภาพรวมของการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศจะลดลง แต่ก็มีโครงการลงทุนจากหลายประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของภาพรวมพบว่า โครงการลงทุนจากต่างประเทศยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 121 โครงการ ลดลงร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนมูลค่าเงินลงทุนในปีนี้ มีมูลค่า 47,296 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นักลงทุนต่างชาติกลุ่มหลักยังคงเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น ยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 61 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 17,379 ล้านบาท โดยจำนวนโครงการลดลงร้อยละ 42 ส่วนมูลค่าเงินลงทุนลดลงร้อยละ 63
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการลงทุนจากญี่ปุ่นและอีกหลายชาติจะลดลง แต่ก็มีการลงทุนจากอีกหลายชาติที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อาทิ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 9,761 ล้านบาท สิงคโปร์ มีมูลค่าเงินลงทุน 2,195 ล้านบาท ฮ่องกง มีมูลค่าเงินลงทุน 2,128 ล้านบาท เนเธอร์แลนด์ มีมูลค่าเงินลงทุน 1,998 ล้านบาท และการลงทุนจากจีน มีมูลค่าเงินลงทุน 1,461 ล้านบาท