กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--ล็อกซเล่ย์
นายเฉลิมโชค ล่ำซำ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของปี 2556 ว่ากลุ่มบริษัทมีรายได้ 14,929 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 590 ล้านบาท โดยรายได้เพิ่มขึ้น 6% ในขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจไอซีทีและงานโครงการยังคงเป็นรายได้หลักของล็อกซเล่ย์ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 68% ตามมาด้วย กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งและกลุ่มธุรกิจบริการในสัดส่วน 26% และ 6% ตามลำดับ กลุ่มไอซีทีและงานโครงการยังมีฐานรายได้ที่มั่นคง โดยโตขึ้นจาก9,700 ล้านบาทมาที่ระดับ 10,400 ล้านบาทหรือ 7% ในส่วนของกลุ่มเทรดดิ้ง ถึงแม้ว่าตลาดอุปโภคบริโภคจะชะลอตัวลง แต่ก็ยังสามารถยืนหยัดรายได้อยู่ที่ประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการเติบโตขึ้นถึง 15% จาก 780 ล้านบาทมาสู่ระดับ 900 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้าทั้งในอุตสาหกรรมท่าอากาศยานและการรักษาความปลอดภัย
ในด้านกำไรรวมที่ขึ้นมาแตะที่ระดับ 590 ล้านบาทนั้น นอกจากกำไรพิเศษที่เกิดจากการขายเงินลงทุนในต้นปี ยังได้แรงผลักดันจากส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมซึ่งโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2555
งานในมือ (Backlog) 11,260 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี และงานในแผนการเข้ายื่นประมูลอีกประมาณ 13,700 ล้านบาท พร้อมผลักดันรายได้ปี 2557
สายงานไอซีทีและงานโครงการจะยังคงเป็นตัวผลักดันรายได้หลักในปี 2557 โดยมีงานในมือ (Backlog) จำนวน 10,110 ล้านบาท ซึ่งงานที่สำคัญได้แก่
- งานกลุ่มธุรกิจโครงการ กลุ่มนี้งานสถานีไฟฟ้าย่อย และงานกลุ่มกิจการโทรทัศน์และวิทยุเป็นตัวนำในการสร้างรายได้ กลุ่มนี้มีงานในมือรวมกัน 2,800 ล้านบาท
- งานกลุ่มธุรกิจไอซีที ซึ่งล็อกซเล่ย์เป็น System Integrator ให้กับงานทั้งภาคธนาคารและภาครัฐ มีงานในมือรวมกัน 1,900 ล้านบาท
- งานทำระบบร้านขายหนังสือสำหรับโรงเรียนประมาณ 100 โรงเรียนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) มูลค่างาน 1,700 ล้านบาท
- งานกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ล็อกซเล่ย์ยังคงมุ่งเน้นในส่วนงานโครงสร้างพื้นฐานของงานโครงข่ายโทรคมนาคม กลุ่มนี้มีงานในมือรวมกัน 660 ล้านบาท
- งานอื่นๆ อีกประมาณ 3,050 ล้านบาท งานที่สำคัญได้แก่ งานระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษ งานระบบการจัดการจราจรบนทางพิเศษและงานสายส่งไฟฟ้า
นอกจากนี้กลุ่มเทรดดิ้งยังมีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาทซึ่งเป็นงานหลักคืองานวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะงานหลังคาของสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงิน ทั้งนี้ทางกลุ่มยังมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังวัสดุก่อสร้างอื่นๆ อาธิ การทำที่จอดรถอัตโนมัติ Tension Membrane และงาน Home Automation อื่นๆอีกด้วย
โดยงานในมือข้างต้น 11,260 ล้านบาทนี้ประมาณ 77% จะเป็นรายได้ในปี 2557 นอกจากนี้กลุ่มล็อกซเล่ย์ยังมีงานที่อยู่ในแผนการเข้ายื่นประมูลในครึ่งปีหลังประมาณ 13,680 ล้านบาท โดยงานที่สำคัญ ได้แก่
- งานกลุ่มธุรกิจไอซีที สำหรับภาคธนาคารและภาครัฐที่มีแผนเข้าประมูลประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้งในส่วนของ Hardware และ Software
- งานกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานขยายช่องสัญญาณให้กับลูกค้าเดิม โดยมีแผนเข้าประมูลประมาณ 1,500 ล้านบาท
- งานกลุ่มธุรกิจโครงการ ที่สำคัญได้แก่ งานในกลุ่มสายส่งไฟฟ้าแรงสูงประมาณ 2,300 ล้านบาท งานสถานีไฟฟ้าย่อยประมาณ 1,800 ล้านบาท และงานในกลุ่มกิจการโทรทัศน์และวิทยุที่มีแผนเข้าประมูลประมาณ1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานในส่วนของดิจิตอลทีวีตามแผนของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่มีแผนการออกอากาศในปีนี้
- งานสายธุรกิจการค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในส่วนของงานหลังคา Metal Sheet สำหรับสถานีรถไฟฟ้าส่วนขยาย ที่มีแผนเข้าประมูลประมาณ 1,400 ล้านบาท
ในปีนี้สายงานธุรกิจไอซีทีและงานโครงการยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากงานในมือ 10,100 ล้านบาท และงานกลุ่ม High Potential อีกประมาณ 11,780 ล้านบาทส่วนอีกสองสายงานหลัก สายงานธุรกิจการค้าถือว่ามีการปรับเปลี่ยนที่ชัดเจน โดยปีนี้มุ่งสร้างจำนวนผลิตภัณฑ์ทั้งจากการ Sourcing และการสร้างแบรนด์ของตัวเอง เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ที่สำคัญคือการสร้างตลาดใหม่โดยชูธง “Loxley Intertrade” โดยตลาดที่เริ่มไปแล้วเช่นที่จีน ซึ่งร่วมกับกลุ่มไซโนเปค จากการใช้ร้านค้าของกลุ่มไซโนเปคในสถานีจำหน่ายน้ำมันที่มีมากกว่า 2,000แห่ง รวมทั้งการทำตลาดในกลุ่ม AEC โดยมุ่งเน้นที่พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา สายธุรกิจการค้าจะยังคงมีกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค กับกลุ่มสินค้าเคมีที่มีฐานรายได้ที่ชัดเจนเป็นตัวนำในมีการทำรายได้ โดยมีกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งมีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท และงานกลุ่ม High Potential อีกประมาณ 1,400 ล้านบาท เป็นตัวผลักดันให้รายได้มีการเติบโต ส่วนสายงานธุรกิจบริการ กลุ่มนี้มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมาอย่างต่อเนื่องทั้งงานในสนามบิน และงานนอกสนามบินเป็นตัวผลักดันการเพิ่มขึ้นของรายได้
สำหรับปี 2557 ซึ่งถือเป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายโดยเฉพาะจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ กลุ่มล็อกซเล่ย์เองได้ให้ความสำคัญและระมัดระวังกับผลกระทบดังกล่าว โดยภาพรวมสำหรับปี 2557 จะยังคงเป็นอีกปีที่ผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้วของกลุ่มล็อกซเล่ย์ จากฐานรายได้ที่ค่อนข้างชัดเจนทั้งจากงานในมือ และสายธุรกิจการค้าและบริการที่มี Recurring Income ที่แข็งแรง โดยรายได้น่าจะโตขึ้นประมาณ 15-20% ในขณะที่ทางด้านกำไรน่าจะโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากรายได้ที่โตขึ้นและแผนการระมัดระวังและควบคุมค่าใช้จ่าย โดยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมในระดับ 700 ล้านบาทต่อปีเป็นตัวผลักดันกำไร