กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--บลจ.ฟินันซ่า
นายสุรสีห์ จงไชโย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด (บลจ.ฟินันซ่า) เสนอกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.85% ต่อปี
บลจ. ฟินันซ่า ประเมินว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยยังเผชิญความเสี่ยงต่อการชะลอตัวอยู่มาก โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 เนื่องจากปัจจัยกดดันทางการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่องและเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างเด่นชัดมากขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลและเปิดประชุมสภาซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเร่งใช้จ่ายและการลงทุนของโครงการภาครัฐในปีงบประมาณปัจจุบัน รวมทั้งการพิจารณางบประมาณสำหรับปี 2558 ด้วย โดย บลจ.ฟินันซ่า ประเมินว่ายังมีโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีแรก หากเศรษฐกิจยังคงซบเซาต่อเนื่องและแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อยังไม่มากนัก นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์อาจส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนสูงขึ้น การพักเงินเพื่อรับผลตอบแทนกับกองทุนตราสารหนี้ประเภทครบกำหนดอายุโครงการ เพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจนทางการเมือง เศรษฐกิจ และต่างประเทศจึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
บลจ.ฟินันซ่า จึงออกเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน ชื่อกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3เดือน 4 (FAM FIPR3M4) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 2.85% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 11-18 มีนาคม 57 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)
สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่า ตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 3เดือน4 (FAM FIPR3M4) เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการขายกองทุนก่อนหน้านี้ เป็นกองทุน Specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บมจ.อีซี่บาย (BBB+), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
FAM FIPR3M4
สำหรับรอบการลงทุนของการสั่งซื้อหน่วยลงทุนครั้งที่ 7
อัตราผลตอบแทนโดยประมาณเท่ากับ 2.85% ต่อปี ซึ่งคำนวณจากการลงทุน สำหรับรอบระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
ตราสารที่ลงทุน*** ผลตอบแทนของตราสารในรูปสกุลเงินบาท สัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในรูปสกุลเงินบาทโดย ระยะเวลาการลงทุนโดยประมาณ
โดยประมาณ ประมาณ (ต่อปี)
(ต่อปี)
เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia), หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank,UAE (P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝาก 3.00%* 43.00% 1.29% 3 เดือน
ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ**
ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB) 3.50% 22.00% 0.77% 3 เดือน
ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง 2.83% 22.00% 0.62% 3 เดือน
(BBB+), บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+)
ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บมจ.อีซี่บาย (BBB+), บจ.บีเอสแอล 2.83% 12.00% 0.34% 3 เดือน
ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป
ตั๋วเงินคลังหรือ พันธบัตรธนาคาร 2.19% 1.00% 0.02% 3 เดือน
แห่งประเทศไทย
ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน (ต่อปี) (0.19%)
อัตรารับซื้อคืนโดยประมาณ (ต่อปี) 0.85%
หมายเหตุ: * โดยอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสารและมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY, AED เป็นเงินบาทแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มีนาคม 2557)
** เงินฝากธนาคารออมสิน หรือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ตั๋วเงิน หรือ หุ้นกู้ ธนาคารเกียรตินาคิน, ธนาคารไอซีบีซี(ไทย), ธนาคารทิสโก้, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย, ธนาคารกรุงไทย, บมจ.ทุนธนชาต, ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์, บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย(AA-) เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มีนาคม 2557)
***ตั๋วแลกเงินหรือหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, บมจ.ราช ธานีลิสซิ่ง(BBB+), บมจ.บัตรกรุงไทย(BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง(BBB+), บมจ.แสนสิริ(BBB+), บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(BBB+), บมจ.มั่นคงเคหะการ(BBB+), บมจ.ถิรไทย(BBB+), บมจ.ช.การช่าง (BBB+), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์(A), บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) (A), บมจ.ศุภาลัย(A-), บมจ.ภัทรลิสซิ่ง (A-), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(A-), บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(BBB+), บมจ.อยุธยาแคปปิตอล ออโต้ลิส(A+), บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(A), บจ.กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง(AA-), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง (BBB), บมจ.อีซี่ บาย (BBB+) ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)
- หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผลการประมูลของตราสาร
ไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้
- ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุน และประมาณการค่าใช้จ่าย อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากสภาวะตลาดมีการ
เปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
- กองทุนจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดรอบการลงทุนแต่ละรอบ 3 เดือนโดยประมาณ
หากผู้ถือหน่วยไม่ส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนมาภายในวันและเวลาที่กำหนดในการเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะ
ถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประสงค์ที่จะลงทุนต่อไปในรอบการลงทุนถัดไป
บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทุนในแต่ละรอบทุก 3 เดือนโดยประมาณ โดยไม่ถือเป็นการแก้ไขโครงการ โดยจะแจ้งรายละเอียดการลงทุนดังกล่าว ในหนังสือชี้ชวน ส่วนสรุปและหรือเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ ให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า
โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท ซึ่งหากนักลงทุนสนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-352-4050 อัตราผลตอบแทนสามารถดูได้จากเอกสารแนบ
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต