กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--IRPLUS
“SUTHA” เดินหน้ากระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุนหลังสถานการณ์โดยรวมคลี่คลายในทางที่ดี คาดมีนา-เมษานี้ขายหุ้นได้ หลังจากนั้นใช้เวลาไม่นานสามารถเข้าซื้อขายใน SET ได้ “ปัญชฤทธิ์ มนต์เสรีนุสรณ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ย้ำบริษัทฯ มีความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนราคาหุ้นรอเคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย สรุปผลปลายสัปดาห์หน้า
นายปัญชฤทธิ์ มนต์เสรีนุสรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุธากัญจน์ จำกัด (มหาชน) หรือ SUTHAผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้า ปูนขาวร้อน (Quicklime) รายใหญ่ของประเทศและมีประสบการณ์มากว่า 10 ปี รวมทั้งแคลเซียมคาร์บอเนต ที่มีการใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมเหล็ก กระดาษ น้ำตาล เป็นต้นเปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ซึ่งมีบริษัท หลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของทุนชำระแล้วภายหลังเพิ่มทุน มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท โดยภายหลังการเพิ่มทุนบริษัทจะมีทุนชำระแล้วจำนวน 300 ล้านบาท ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2557 นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ได้ภายหลังจากการกระจายหุ้นราวเดือนเมษายน ซึ่งเม็ดเงินที่ได้จากการะดมทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการลงทุนประกอบด้วย การขยายการผลิตแคลเซียมไฮดรอกไซด์ ลงทุนระบบและเครื่องบดถ่านหินชนิดระเหยง่าย ลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับปูนขาว ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
“เราเห็นว่าช่วงนี้เป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจากปัจจัยแวดล้อมโดยรวมของประเทศคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นประกอบกับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ฯที่มีความแข็งแกร่งและความมผันผวนลดลง จึงเข้าสู่กระบวนการเข้าจดทะเบียนใน SET โดยคาดว่าจะกระจายหุ้นภายในเดือนมีนาคมได้ เงินที่ได้จากการระดมทุนหลักๆ บริษัทฯ จะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจเพิ่มเติมแต่ตอนนี้ต้องรอทางเคที ซีมิโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่าสรุปราคาขายหุ้น IPO ในปลายสัปดาห์หน้าอีกครั้ง เราเชื่อว่าเราจะได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในการเสนอขายหุ้น”นายปัญชฤทธิ์กล่าว
สำหรับผลประกอบการงวดปี 2556 บริษัทมีรายได้รวม 857.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2555ที่มีรายได้รวมจำนวน 837.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.31 จากปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากในประเทศร้อยละ 89-95 ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มกำลังการผลิต ราคาขายรวมทั้งการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีกำไรสุทธิงวดปี 2556 ที่ 100.88ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.77% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ 38.60%