กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10 ) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 21 - 141ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองลดลงจากวันที่ผ่านมาเกือบทุกสถานี คุณภาพอากาศอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา ลำปาง น่านและแพร่ อีก 4 จังหวัด ได้แก่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และตาก คุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีถึงปานกลาง ซึ่ง ปภ. ได้ประสานจังหวัดภาคเหนือดำเนินมาตรการคุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาทุกชนิด เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศของ 9 จังหวัดภาคเหนือกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 21 - 141 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ ปริมาณฝุ่นละอองลดลงจากวันที่ผ่านมาเกือบทุกสถานี โดยสำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสูงสุด ค่า PM10 141 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 110 รองลงมา ได้แก่ อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง จังหวัดลำปาง สำนักงานเทศบาลเมืองน่าน จังหวัดน่าน สถานีอุตุนิยมวิทยาแพร่ จังหวัดแพร่ ค่า PM10 130 128 126 123 และดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 105 104 103 102 ตามลำดับ ซึ่งคุณภาพอากาศในจังหวัดลำปางเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพติดต่อกันเป็นวันที่สิบเจ็ด ( 25 ก.พ. – 13 มี.ค. 57) และถือเป็นวันที่ยี่สิบสามของปี 2557 รวมถึงเป็นวันที่สองที่จังหวัดเชียงรายมีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพสูงสุด โดยจังหวัดเชียงรายมีคุณภาพอากาศในระดับที่มีผลต่อสุขภาพติดต่อกันเป็นวันที่สามแล้ว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือดำเนินมาตรการคุมเข้มมิให้มีการเผาในพื้นที่โล่ง โดยเฉพาะการเผาริมทาง การเผาในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตรพร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันมิให้วิกฤตมากขึ้น รวมถึงระดมรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันฝุ่นละอองในอากาศ ตลอดจนบูรณาการทุกภาคส่วนสนธิกำลังในการระดมวัสดุอุปกรณ์ควบคุมไฟป่าและหมอกควัน สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุม ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว หากเจ็บป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควัน สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการแก้ไขปัญหาและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200
www.disaster.go.th