กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้มองเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครนกดดันตลาดหุ้นโลกระยะสั้น เป็นโอกาสเข้าลงทุน ชวนทยอยขายหุ้นไทยเข้าหุ้นต่างประเทศ แนะลงทุน “เอเชียเหนือ-ญี่ปุ่น” ที่ย่อตัวลงแต่ยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจแกร่ง
ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยนายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ (Mr.Komsorn Prakobphol, Senior Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่รัสเซียได้ทำการฝึกซ้อมกำลังทหารที่ชายแดนระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์และพลเมืองเชื้อสายรัสเซีย ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่สหรัฐและยุโรปที่จะดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซีย ทิสโก้ เวลธ์ มองว่ามาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวไม่มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกจะไม่ลุกลามเป็นสงคราม ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยกดดันตลาดระยะสั้นเท่านั้น
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง อาทิ ดัชนีหุ้นยุโรป Euro STOXX50 ปรับลดลง 1.5%,ดัชนีหุ้นสหรัฐ S&P500 ปรับลดลง 1.2%, ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น Nikkei 225ปรับลดลง 3%, ดัชนีหุ้นจีน HSCEI ปรับลดลง 4.2% ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงควรทยอยขายหุ้นไทยที่เริ่มมีอัพไซด์จำกัด และเข้าลงทุนในหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียเหนือและญี่ปุ่น ซึ่งปรับตัวลงแรงแต่ตัวเลขเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งในระยะยาว
“ตลาดหุ้นต่างประเทศย่อตัวลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีประเด็นเรื่องรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะกดดันตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นๆ แต่เราเชื่อว่าความขัดแย้งในยูเครนจะไม่ลุกลามไปสู่สงคราม และการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาตินั้นมีโอกาสเป็นไปได้น้อย ดังนั้นช่วงที่หุ้นต่างประเทศปรับลดลงมาจากความกังวลในยูเครน ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากการเมืองที่เริ่มผ่อนคลาย โดยSETมีแนวโน้มปรับเข้าใกล้ 1,400จุด และมีอัพไซต์เหลือไม่ถึง5%จากเป้าหมายปีนี้ที่ 1,450จุดจึงแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นและหุ้นเอเชียเหนือ
โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมี Upsideที่ดีเนื่องจากอัตราการขยายตัวของกำไรที่สูงโดดเด่นถึง 17% ในปีนี้ และด้วยP/Bที่ยังต่ำเพียง 1.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่ 1.8 เท่า ทำให้หุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในปีนี้ ส่วนเอเชียเหนือจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรปที่ฟื้นตัวขึ้น ในขณะที่ยังเทรดที่P/EและP/Bต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว ซึ่งด้วยแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับ Valuationที่ยังถูก จะทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเหนือสามารถดึงดูดเงินลงทุนที่จะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ได้เป็นจำนวนมาก และทำให้ตลาดหุ้นเอเชียเหนือสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ในปีนี้” นายคมศร กล่าว