กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--ดาวิน ชอยส์
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผย Home Builder Focus 2014 ปิดฉากงดงามสวนกระแสภาพรวมตลาด ยอดจองและทำสัญญาทะลุเป้า 786 ล้านบาท จากยอดจองรวม 118 หลัง ระบุบ้านระดับราคา 2-5 ล้านบาท คงได้รับความนิยมสูงสุด มั่นใจโปรโมชั่นช่วยกระตุ้นยอดซื้อ เชื่อหลังสถานการณ์คลี่คลาย ภาคอสังหาฯมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น เหตุผู้บริโภคยังมีความต้องการปลูกสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง
นายวิสิฐษ์ โมไนยพงศ์ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงภาพรวมการจัดงานแสดงสินค้า Home Builder Focus 2014 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 16 มีนาคม 2557 ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า การจัดงาน Home Builder Focus 2014 สะท้อนให้เห็นถึง 2 เรื่องหลักๆ คือ 1. ความมั่นใจในการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภคเริ่มกลับมา และ 2. ความมั่นใจของผู้บริโภคในการใช้บริการของสมาชิกในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านมีมากยิ่งขึ้น ประกอบกับสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้มีการจัดกิจกรรมในงานและทำการประชาสัมพันธ์ออกไปได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้การจัดงานครั้งนี้ ประสพความสำเร็จเกินคาด โดยสามารถทำยอดเฉพาะที่จองและเซ็นสัญญาในงานนี้ถึง 786 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 540 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 45 ทำให้มีความมั่นใจว่ายอดของไตรมาส 2 นี้ จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 2,500 ล้านบาท
จากการสำรวจและวิจัยพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคโดยฝ่ายวิชาการของสมาคมฯ ๆ ได้สรุปมูลค่าการจองและทำสัญญาภายในงาน Home Builder Focus 2014 ตั้งแต่วันแรกของการจัดงาน (13 มี.ค.) โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนกับความต้องการของกลุ่มบริภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านอย่างแท้จริง โดยวันแรกมียอดขาย 31.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 122.1 ล้านบาท, 293.7 ล้านบาท และ 339 ล้านบาท ตามลำดับ รวมมูลค่าปลูกบ้านภายในงาน 4 วัน มากกว่า 786 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของทางสมาคมฯ ที่ตั้งไว้เพียง 540 ล้านบาท โดยราคาปลูกบ้านเฉลี่ยในปีนี้ อยู่ที่ 6.7ล้านบาท มีระดับราคาปลูกบ้านต่ำสุดอยู่ที่ 1.36 ล้านบาท และราคาปลูกบ้านแพงสุด 52.8 ล้านบาท จากยอดจองปลูกบ้านรวม 118 หลัง
อย่างไรก็ดี หากแบ่งมูลค่าปลูกบ้านตามระดับราคา ได้ดังนี้ ระดับราคาบ้านไม่เกิน 2.5 ล้านบาท จำนวน 21 หลัง มีมูลค่าปลูกบ้าน 41.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.25%ของมูลค่าปลูกบ้านรวม, ระดับราคาบ้าน 2.51-5 ล้านบาท จำนวน 45 หลัง มีมูลค่าปลูกบ้าน 152.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.45%ของมูลค่าปลูกบ้านรวม, ระดับราคาบ้าน 5.01-10 ล้านบาท จำนวน 31 หลัง มีมูลค่าปลูกบ้าน 222.35 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28.29%ของมูลค่าปลูกบ้านรวม, ระดับราคา 10.01-20 ล้านบาท จำนวน 17 หลัง มีมูลค่าปลูกบ้าน 223.81 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28.46%ของมูลค่าปลูกบ้านรวม และระดับราคา 20.1 ล้านบาทขึ้นเป็น จำนวน 4 หลัง มีมูลค่าปลูกบ้าน 145.86 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.55%ของมูลค่าปลูกบ้านรวม
นายวิสิฐษ์ กล่าวเสริมว่า จากการสรุปวิเคราะห์ตัวเลขจากฝ่ายวิชาการในเชิงสถิติ ทำให้สมาคมฯ มีความเชื่อมั่นว่า ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีความมั่นใจในการใช้บริการของสมาชิกสมาคมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งบ้านนั้นเป็นความต้องการที่จำเป็น ดังนั้นภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรส่งเสริมทั้งด้าน Demand Side และ Supply Side เพื่อให้ประชาชนมีบ้านได้ง่ายขึ้น