กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น
“พีทีจี” ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 30 % พร้อมทุ่มงบประมาณ 1, 350 ล้านบาท สำหรับขยายสถานีบริการน้ำมัน และเตรียมปรับปรุงสถานีภาพลักษณ์ใหม่อีกกว่า 200 แห่ง อีกทั้งได้รับสัมปทานศูนย์บริการทางหลวงภาคกลาง – ใต้ ซึ่งคาดว่าให้บริการได้ในเร็วๆนี้
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที เปิดเผยว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทฯ คาดว่ามีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตประมาณ 30% หรือคิดเป็นปริมาณการขายน้ำมันประมาณ 2,000 ล้านลิตร จากการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน ส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 9%
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายสถานีบริการน้ำมันรวม 230 สาขา โดยแบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันที่ดำเนินการโดยบริษัทฯ (สถานีบริการน้ำมัน COCO) จำนวน 200 สาขา และสถานีบริการน้ำมันที่เป็นของตัวแทนจำหน่ายน้ำมันของบริษัท (สถานีบริการน้ำมัน DODO) จำนวน 30 สาขา ทำให้สิ้นสุดปี 2557 น่าจะมีสถานีบริการน้ำมันประมาณ 1,000 สาขา
โดยบริษัทฯ เตรียมงบประมาณลงทุนประมาณ 1, 350 ล้านบาท สำหรับการลงทุนต่างๆ ภายในปีนี้ โดยแบ่งเป็นงบสำหรับขยายสถานีบริการน้ำมัน COCO จำนวน 200 สาขา ประมาณ 520 ล้านบาท และปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันพีทีให้เป็นภาพลักษณ์ใหม่อีกประมาณ 216 สาขา โดยคาดว่าน่าจะเสร็จในปีนี้ทั้งหมด ซึ่งใช้งบประมาณ 84 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงสถานีบริการน้ำมันพีทีให้เป็นแบบครบวงจรอีก 6 สาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุนจำนวน 300 ล้านบาท และปรับปรุงร้านสะดวกซื้อพีทีมาร์ทให้เป็นร้านสะดวกซื้อรูปแบบใหม่ “แมกซ์ มาร์ท” ประมาณ 6 แห่ง ใช้งบประมาณ 51 ล้านบาท และขยายสาขาร้านกาแฟ “พันธุ์ไทย” อีก 21 สาขา คิดเป็นเงิน 62 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีส่วนของการลงทุนเพิ่มกองรถบรรทุกน้ำมันประมาณ 34 คัน และซื้อรถหัวลากประมาณ 54 คัน สำหรับทดแทนรถหัวลากเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกองรถบรรทุกน้ำมัน โดยใช้งบลงทุนประมาณ 303 ล้านบาท และการปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ซึ่งใช้งบประมาณในการปรับปรุงประมาณ 30 ล้านบาท
“สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2557 นี้ บริษัทฯ ตั้งงบ 1, 350 ล้านบาท สำหรับการลงทุนในส่วนต่างๆ ทั้งการขยายสาขาและปรับปรุงสถานีบริการ การขยายกองคาราวานรถ และพัฒนาระบบไอทีให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่ารายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงมาจากกลุ่มน้ำมันดีเซลเป็นหลัก เนื่องจากฐานลูกค้าของพีทีส่วนใหญ่ยังคงเป็นรถกระบะ และรถขนาดใหญ่ อีกทั้งปริมาณการขายผ่านสถานีบริการน้ำมัน COCO มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าช่องทางอื่นๆ”
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการประมูลพื้นที่ให้บริการศูนย์บริการทางหลวง (จุดพักรถ) จากกรมทางหลวง ซึ่งบริษัทฯ สามารถประมูลพื้นที่ศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ ศูนย์บริการทางหลวงชัยนาท กม.185 จังหวัดชัยนาทนั้น ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งจะมีการเปิดบริการทั้งในส่วนของร้านสะดวกซื้อแมกซ์ มาร์ท ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านค้าและของที่ระลึกต่างๆ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในบางส่วน เช่น สถานีบริการน้ำมัน ในช่วงต้นเดือนเมษายน เพื่อรองรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ และในส่วนพื้นที่ทั้งหมดนั้น คาดว่าจะสามารถให้บริการแบบครบวงจรได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฯอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนโครงการผลิตไบโอดีเซลและโครงการผลิตเอทานอล คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-3 เดือนนี้ โดยเป็นการร่วมทุนกับโรงงานที่ผลิตอยู่แล้ว 1 โครงการ และที่เหลือเป็นโรงงานที่ลงทุนก่อสร้างใหม่ ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการใช้ไบโอดีเซลและเอทานอลในการผสมน้ำมันสำเร็จในอนาคต หลังจากบริษัทมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายปั๊มน้ำมัน และบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาและจัดหาทำเลตั้งคลังน้ำมันขึ้นอีก 1 แห่งที่จังหวัดร้อยเอ็ดหรือศรีสะเกษ ขนาดความจุ 7-10 ล้านลิตร ใช้เงินลงทุน 100 กว่าล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ จากปัจจุบันบริษัทมีคลังน้ำมันแล้ว 8 แห่ง