กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้ มองดอกเบี้ยต่ำ ส่งกอง “ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น” เปิดโอกาสรับกำไรไม่จำกัดตลอดระยะเวลา 2 ปี พร้อมป้องกันความเสี่ยงหากตลาดหุ้นตก เหมาะกับผู้ลงทุนที่ชอบความเสี่ยงต่ำ แต่อยากได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ ดีเดย์ไอพีโอตั้งแต่วันนี้ – 28 มี.ค. 57 นี้ ที่ บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ ทุกสาขา
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวส่งผลให้ล่าสุดทางการต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดการณ์ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้และเงินฝากจะทรงตัวในระดับที่ต่ำไปอีกเป็นระยะเวลาจนถึงปีหน้า ดังนั้น บลจ.ทิสโก้ จึงออกแบบกองทุนเปิดแบบ “คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น” โดยแนวคิดของการลงทุนแบบนี้ ก็เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่จะอ้างอิงกับของดัชนีตลาดหุ้นโดยถ้าตลาดหุ้นขึ้นผู้ลงทุนมีโอกาสได้กำไรตามการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น แต่หากตลาดหุ้นตกก็ไม่ขาดทุนเงินต้น โดยประเดิมกองทุนแรกสำหรับปีนี้ด้วย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1” ซึ่งวิธีการลงทุนคือผู้จัดการกองทุนจะแบ่งเงินลงทุนเป็นสองส่วน กล่าวคือเงินลงทุนก้อนแรก ซึ่งเป็นเงินลงทุนส่วนใหญ่จะซื้อตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี อายุประมาณ 2 ปี ซึ่งดอกเบี้ยที่ได้จากการลงทุนส่วนนี้จะเติบโตไปจนทำให้เงินลงทุนส่วนแรกนี้เพิ่มขึ้นเท่ากับเงินลงทุนเริ่มแรกหลังหักค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนของผู้ลงทุนซึ่งเท่ากับว่าผู้ลงทุนมีโอกาสได้ส่วนของเงินต้นคืนจากส่วนนี้ และ ส่วนที่สองจะแบ่งไปลงทุนในออปชั่นที่อ้างอิงผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise หรือ H-Share ซึ่งจะเป็นส่วนที่สร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มให้กับผู้ลงทุน ดังนั้นหากใน 2 ปีจากนี้ไปดัชนีดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นจากระดับที่กองทุนเริ่มลงทุนผู้ลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนแปรผันไปตามการเพิ่มขึ้นของดัชนี แต่หากในกรณีเลวร้ายสุดคือดัชนีปรับตัวลดลงตลอดกองทุนก็จะไม่ได้ผลตอบแทนอะไรแต่ยังสามารถคืนเงินต้นได้จากเงินลงทุนส่วนแรก
สำหรับเหตุผลหลักที่เลือกอ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนี H-share ซึ่งประกอบด้วยบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในฮ่องกง เพราะมองว่าราคาหุ้นจีนกลุ่มนี้ได้ปรับตัวลดลงมามากจนถูกกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยปัจจุบันบริษัทเหล่านี้ซื้อขายในระดับราคาหุ้นต่อกำไรเฉลี่ย (พีอี) 6 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำพอๆ กับระดับราคาเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐเมื่อปี 2553 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยพีอีเฉลี่ยที่ 11 เท่า ทั้งที่ในปัจจุบันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกส่งสัญญานการฟื้นตัวแล้วไม่เว้นแม้แต่ประเทศจีนเองก็ยังเติบโตในระดับที่สูงกว่าประเทศอื่นๆมาก เพียงแต่นักลงทุนอาจจะมีความกังวลในระยะนี้เพราะมีตัวเลขเศรษฐกิจของจีนบางตัวที่ส่งสัญญานชะลอตัว แต่อย่างไรก็ดีรัฐบาลกลางของจีนก็ประกาศชัดเจนหลังการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่ายังต้องผลักดันให้เศรษฐกิจจีนเติบโตตามเป้าหมายคือร้อยละ 7.5 ทำให้นักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจีนจะต้องมีการดำเนินนโยบายการเงินการคลังในเชิงที่ผ่อนคลาย เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ได้เป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีนในที่สุด
“กองทุนนี้โดดเด่นตรงที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับกำไรได้ไม่จำกัด ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีน ซึ่งเรามองว่าเป็นตลาดที่ยังมีอัพไซด์สูง น่าจะสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนได้ดี อีกทั้งยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ทำให้ผู้ลงทุนอุ่นใจได้ถึงเงินต้นที่จะอยู่ครบ จากความโดดเด่นดังกล่าวทำให้เรามั่นใจว่าการเสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี” นายสาห์รัช กล่าว
“กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ลิ้งค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1อายุโครงการประมาณ 2 ปี มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ระหว่างวันที่ 19 – 28 มี.ค. 57 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือติดต่อขอหนังสือชี้ชวนฯ และจองซื้อได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4