กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--Syllable
กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกองกิจการภาพยนตร์ ประกาศพร้อมต้อนรับคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศกลับเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ภายหลังการยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พร้อมทวงคืนตำแหน่งหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในโลก ชี้ปี 2556 อินเดียครองแชมป์ถ่ายภาพยนตร์ในไทยถึง 150 เรื่อง
ว่าที่ร้อยตรีอานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศยกเลิกใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม เป็นต้นไป จะส่งผลในทางบวกให้แนวโน้มจำนวนคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยต่อกรมการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น และอาจจะสูงกว่าเดิม ตามตัวเลขนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะนำมาสู่การนำรายได้เข้าประเทศมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงได้รับความสนใจใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในวันที่ 22 มกราคม 2557 ทำให้กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศบางคณะมีความกังวลและส่งผลให้สูญเสียความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยไปบ้าง และกลัวว่าจะไม่ได้รับความสะดวกในการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย แต่เมื่อในขณะนี้ได้มีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินแล้ว ประเทศไทยจะสามารถคืนความมั่นใจให้กับคณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศได้
“ยังไม่มีการเปิดเผยของข้อมูลเชิงสถิติของผู้ที่ยกเลิกการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา จะมีเพียงการบอกเลื่อนด้วยปากเปล่าผ่านมาทางผู้ประสานงานกองถ่ายภาพยนตร์ของกรมการท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งผู้ประสานงานเหล่านี้มีหน้าที่อำนวยความสะดวกและยื่นขออนุญาตใช้สถานที่กับกรมการท่องเที่ยวให้คณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะถ่ายทำภาพยนตร์จะกลับมายื่นคำขออนุญาตถ่ายทำเพิ่มขึ้น” นางสาวอุบลวรรณ สุจริตกุล ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์ กรมการท่องเที่ยว กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2556 ที่ผ่านมา ประเทศที่ครองตำแหน่งส่งคณะถ่ายทำภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยสูงสุด จากทั้งหมด 717 เรื่อง ยังคงเป็นของประเทศอินเดีย ซึ่งในปี 2556 เพียงปีเดียว มีภาพยนตร์ถึง 150 เรื่องที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย รองลงมาได้แก่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 140 เรื่อง ส่วนจำนวนภาพยนตร์ที่ได้รับคำขอและได้รับอนุญาตทั้งหมดในปีที่แล้ว แบ่งเป็นภาพยนตร์โฆษณา 356 เรื่อง สารคดี 150 เรื่อง ละครชุด 107 เรื่อง มิวสิควิดีโอ 47 เรื่อง สร้างรายได้เข้าประเทศไทยกว่า 2,173.35 ล้านบาท และเพื่อเป็นการต้อนรับคณะถ่ายทำภาพยนตร์ให้ได้รับความสะดวกจากการบริการของภาครัฐ โดยเฉพาะ ทางกองกิจการภาพยนตร์จึงได้ดำเนินการจัดอบรมผู้ประสานงานกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ให้มีความเข้าใจในกฎระเบียบ ขั้นตอน และวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องของส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบริการแก่คณะถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ณ วันนี้ กรมการท่องเที่ยวมีผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมการท่องเที่ยวแล้วจำนวน 269 ราย แบ่งออกเป็นประเภทนิติบุคคล 185 ราย และบุคคลธรรมดา 84 ราย ซึ่งในปีนี้กรมการท่องเที่ยวได้จัดโครงการอบรมฯ และมีผู้ประสานงานมาขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมอีก 71 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26 จึงจะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว” ผู้อำนวยการกองกิจการภาพยนตร์กล่าว
อธิบดีกรมการท่องเที่ยวเพิ่มเติมว่า กรมการท่องเที่ยวเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเข้ามาของกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศ เพราะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญนอกเหนือจากการท่องเที่ยวแบบปกติ ฉะนั้น เพื่อให้การขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กรมการท่องเที่ยวได้ประสานความร่วมมือกับอีกหลายหน่วยงาน เช่น กรมศุลกากร กรมการจัดหางาน กรมศิลปากร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักพระราชวัง การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ รวมทั้งคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้
“ทางกรมการท่องเที่ยวได้ดำเนินการส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ รัฐบาลก็พยายามให้มีการจัดทำมาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อดึงดูดผู้สร้าง ผู้ผลิตภาพยนตร์จากต่างประเทศ เช่น การยกเว้นภาษีนักแสดงจากต่างประเทศ และทางกรมการท่องเที่ยวก็จะพิจารณาดำเนินการสร้างแรงจูงใจอื่นๆ แก่ผู้ผลิตภาพยนตร์จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต” อธิบดีกรมการท่องเที่ยวกล่าว