กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ เผยศาสตร์แห่งความสำเร็จกุญแจสำคัญในการถอดรหัสดีเอ็นเอ ในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ส่งบริษัท อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) เสริมทัพ ผู้เชี่ยวชาญ และมือโปรในการเฟ้นหาจุดแข็ง ซึ่งซ่อนอยู่ในตัวของบุคคล ดึงจุดเด่น และขจัดจุดอ่อนที่เป็นอุปสรรค เพื่อก้าวข้ามขีดข้อจำกัดความกลัว สู่เปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดการพัฒนาตัวบุคคลอย่างมั่นคง ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และองค์กรทุกระดับ เตรียมพร้อมรับแรงงานเพื่อเออีซี
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) บริษัทอีเว้นท์อันดับ 7 ของโลก 3 ปีซ้อน รับรองจากสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “การที่จะทำให้องค์กรขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย และบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้นั้น ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุน โอกาส เวลา และที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ ทรัพยากรมนุษย์หรือแรงงาน ซึ่งเป็นตัว ขับเคลื่อนที่สำคัญขององค์กร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทักษะ และความสามารถ รวมถึงวัฒนธรรม ประสบการณ์ และการเรียนรู้ต่างๆ หล่อหลอม ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของในการทำงาน เนื่องจากปัจจัยจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง และอาจเกิดจากตัวบุคคลเองที่ไม่รู้ หรือรู้แล้วอาจจะไม่รู้ถึงวิธีการดึงจุดเด่น และจุดแข็งของตัวเองขึ้นมาใช้ได้อย่างถูกวิธี และถูกต้อง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนหรือหลายองค์กรมองข้ามไป จนเกิดเป็นปัญหาที่กระทบต่อองค์กรโดยตรง โดยอินเด็กซ์ฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรบุคคลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจต่างๆ ที่กำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ส่งผลให้มีความต้องการในเรื่องของแรงงานหรือทรัพยากรบุคคลเป็นจำนวนมาก โดยจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าการช่วงชิงหรือแย่งแรงงานเกิดขึ้น”
“อินเด็กซ์ฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน ที่แตกต่างจากการเสริมศักยภาพของบุคคลโดยทั่วไป ที่เน้นในเรื่องของการพัฒนาบุคคลากร โดยเสริมเติมความรู้ความสามารถให้กับพนักงาน แต่ได้มีการวิเคราะห์ถึงความกลัวภายในจิตใจ (Mental Block) เพื่อทลายกำแพงที่ปิดกั้นคนเราจากความสำเร็จ ก่อนที่จะเสริม และเติมความรู้ให้กับคนนั้นๆ นับได้ว่าเป็นการพัฒนาที่เริ่มจากภายใน (inner)
จับมือร่วมกับ ดร. เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย หรือ “ครูเคท” ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ระดับจิตใต้สำนึก “เปิดบริษัท อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาธุรกิจเพื่อทรัพยากรมนุษย์ในอาเซียน เพื่อพัฒนาบุคลากร อันนำไปสู่พฤติกรรมโดยการเข้าถึงตัวตน และดึงศักยภาพของตนเองออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ภายใต้กระบวนการพัฒนา ตั้งแต่การทลายกำแพงความกลัวที่ปิดกั้นตนเองจากการก้าวสู่ความสำเร็จ จนรวมไปถึงการให้ความรู้ และเสริมสร้างทักษะต่างๆ (Skill Development) ผสานกับการประยุกต์ใช้โมเดลด้านจิตวิทยา (Psychological Model) เพื่อที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในงานต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญหรือโค้ชของ อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) ที่มีความสามารถในการดึงศักยภาพของบุคคลให้ออกมา”
บริษัท อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน “Sustainable Change” โดยใช้หลักการถอดรหัสความสำเร็จหรือที่เรียกว่า Success DNA ของแต่ละบุคคลออกมา เพื่อดึงเอาจุดแข็งหรือศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในของแต่ละบุคคล เป็นตัวขับเคลื่อน (Driving Force) เกิดการกระทำ อย่างมีประสิทธิภาพ “Proficient Performance” ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงแต่การถอดรหัสความสำเร็จเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น แต่ยังการถอดรหัสความสำเร็จขององค์กรหรือที่เรียกว่า Corporate DNA ว่าองค์กรมีเอกลักษณ์ของความสำเร็จ และวัฒนธรรองค์กรอย่างไร สร้างให้เกิดการผสมผสานระหว่าง Success DNA ของตัวบุคคล และองค์กรให้มีความกลมกลืนกันมากที่สุด เพื่อที่จะสามารถขับเคลื่อนทั้งคน และองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน นำไปสู่การพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน โดยดึงเอาจุดแข็ง และแรงกระตุ้นภายใน Inner Strength หรือ Self-Motivation ทำให้เกิดความรู้สึกอยากที่จะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ และสิ่งนี้เองก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
ดร. เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย ผู้ก่อตั้ง และประธานที่ปรึกษา บริษัท Inspiring Wisdom จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถือเป็นการเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆซึ่งโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และไม่หยุดนิ่ง รวมถึงมีความหลากหลายทั้งปัจจัยภายใน คือ มนุษย์หรือทุนแรงงาน ในเรื่องของภาษา ทัศนคติ ความเชื่อ และความคิด รวมถึงปัจจัยภายนอก คือ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และสังคมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพราะฉะนั้นจะต้องเริ่มจากการกระตุ้นให้ตระหนักเห็นถึงคุณค่าในตัวเอง (Self-esteem) และต้องให้มนุษย์เห็นถึงศักยภาพของตัวเองว่าทำอะไรได้ดี และเก่งในเรื่องอะไร (Self-efficacy) โดยมีวิธีการบริหารจัดการให้ทั้ง 2 อย่างสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งพิเศษที่ทำให้อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) มีความโดดเด่น และแตกต่าง คือ เน้นการสร้าง “Positive Self-Talk” พร้อมกับกำจัด “Internal Conflict” อันเกิดจากความขัดแย้งของความเชื่อภายในใจกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ใหม่ รวมถึงการเข้าใจตนเอง และการเข้าใจผู้อื่นๆ เพราะมนุษย์ต่างล้วนมีศักยภาพที่แตกต่างกันออกไป
ดร. เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย กล่าวว่า “อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) ได้ให้บริการทั้งหมด 3 Inspiring Services หลัก คือ 1.) Inspiring Organization: บริการสำหรับองค์กร คือ การจัดฝึกอบรม และกระบวนพัฒนาตนจากภายใน (Training and Coaching) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และดึงศักยภาพของบุคลากรทุกระดับที่มีความหลากหลายในองค์กร ให้สามารถตอบสนองและบรรลุวัตถุประสงค์ตรงตามเป้าหมายที่องค์กรวางไว้ อาทิเช่น Inspiring Communication, Inspiring Leadership และInspiring Succession 2.) Inspiring Community: บริการสำหรับสาธารณชน คือ การจัดฝึกอบรมให้กับบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในการพัฒนาตนเอง อาทิเช่น Inspiring Entrepreneur, Become an Inspirer, Will Successor และ Journey into your mind ซึ่งเป็นกระบวนการให้เรารู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้งด้วยเทคนิคของ “จินตภาพ สรรสร้างความสำเร็จ” (Creative Visualization) ที่ไม่มีใครเหมือน เป็นต้น และ3.) Inspiring ASEAN Connectivity: บริการเครือข่าย และพัฒนาบุคลากรอาเซียน คือ การพัฒนาคนเพื่อเข้าสู่สังคมการทำงานที่มีวัฒนธรรมหลายหลาย (Multi-cultural Workforce) รวมถึงเป็นการเชื่อมเครือข่ายทั้งภาคธุรกิจ และแรงงานโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN) เพื่อความเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC หรือ ASEAN Economic Community ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากรให้มีลักษณะของGen-A (SEAN) และพร้อมที่จะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคมและวัฒนธรรมด้วยทักษะ และความเชี่ยวชาญในระดับสากล”
ดร. เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย กล่าวเสริมว่า “สำหรับกลุ่มเป้าหมายของอินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.) กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ องค์กรชั้นนำต่างๆ เนื่องจากองค์กรเป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในภาพรวม และส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงสังคมในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่กำลังจะเข้าสู่ยุคของ AEC 2.) กลุ่มเป้าหมายรอง คือ บุคลทั่วไป ซึ่งเห็นความสำคัญของการพัฒนาตนเอง เพื่อให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจการค้า อีกทั้งยังมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างสมดุลระหว่างงาน ครอบครัว และตนเอง “Work and Life Balance” เพื่อนำไปสู่สังคม “เก่ง ดี และมีสุข”
“คนเรามีศักยภาพในตัวเองมากกว่าที่ตนเองรู้ จากงานวิจัยมนุษย์ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองเพียงแค่ 5-10% อินสปายริ่ง วิสดอม (Inspiring Wisdom) จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยทลายกำแพงที่ปิดกั้นตัวคุณจากก้าวสู่ความสำเร็จหรือก้าวข้ามความกลัวในจิตใจ เพื่อที่จะสามารถเติมความรู้ และพัฒนาศักยภาพ ขีดความสามารถของคนจากภายในตัวบุคคลอย่างแท้จริง เพื่อเดินหน้าการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย่างแข็งแรง และยั่งยืน” นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวทิ้งท้าย
ดร. เนตรปรียา มุสิกไชย ชุมไชโย (ครูเคท)
- ผู้ก่อตั้ง และประธานที่ปรึกษาบริษัท Inspiring Wisdom จำกัด เพื่อพัฒนาธุรกิจ และทรัพยากรมนุษย์ในอาเซียน และ
- ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาครูเคทและศูนย์จิตวิทยาคำปรึกษา
- ผู้เชี่ยวชาญการเรียนรู้ระดับจิตใต้สำนึก ซึ่งศึกษาโครงข่ายการทำงานของสมองเพื่อการเรียนรู้และการนำไปสู่การปฏิบัติ (Brain Development)
- นอกจากนี้ ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างเป็นองค์รวม โดยการผสมผสานศาสตร์ด้านบริหารธุรกิจ ทรัพยากรมนุษย์ และจิตวิทยา เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาบุคลากร เพื่อดึงศักยภาพมนุษย์อย่างสูงสุด สู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
การศึกษา
- สำเร็จปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ (DBA) จากมหาวิทยาลัย South Australia ประเทศออสเตรเลีย
- กำลังศึกษาปริญญาเอกใบที่สอง สาขาจิตวิทยา (Ph.D. Counseling Psychology) ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ดร.เคทไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “ครูเคท” หรือในฐานะผู้ปฏิวัติการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย จากวิธีการท่องศัพท์ และไวยากรณ์ เป็นวิธีการเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดเป็นทักษะติดตัวอย่างถาวรเท่านั้น ดร.เคทยังได้รับรางวัลนักเขียน Best Sellers ของสำนักพิมพ์อัมรินทร์พริ้นติ้ง และพับลิชชิ่ง จำกัด ถึง 4 รางวัล จากหนังสือ “เรียนภาษาอังกฤษกันเข้าไป แต่พูดไม่ได้สักที” และอื่นๆอีกด้วย
นอกจากนี้ดร.เคทยังได้รับรางวัล Women of Year 2002 จากนิตยสาร Cosmopolitan และรางวัล Working Women of Year 2002 จากนิตยสาร Working Women และล่าสุดรางวัล Nivea Thailand Most Influential Women 2009 (รางวัลผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลทางความคิดของคนไทย) สำหรับบทบาทด้านสื่อสารมวลชน อีกทั้งยังเป็นผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการทั้งภาคภาษาไทย และภาษาอังกฤษหลายรายการอย่างต่อเนื่องมากว่า 20 ปี