กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--กรมประมง
กรมประมงประกาศปิดอ่าวฝั่งอันดามัน 4 จังหวัดเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อคุ้มครองสัตว์น้ำขนาดเล็กและสัตว์น้ำวัยอ่อนไม่ให้ถูกจับก่อนวัยอันควร หรือถูกทำลายมากจนเกินไปอันจะส่งผลให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำได้อย่างยั่งยืน การออกมาตรการปิดอ่าวฯ ฝั่งทะเลอันดามัน ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากชาวประมงเป็นอย่างดีในการปฏิบัติตามประกาศฯ ในปีที่ผ่านมา มีผลข้อมูลทางวิชาการของกรมประมงพบว่า พื้นที่บริเวณที่เคยเสื่อมโทรม ปลาผิวน้ำและปลาหน้าดินที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิดที่เคยหายไป รวมทั้งทรัพยากรสัตว์น้ำที่ลดน้อยลงกลับมาฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น สำหรับมาตรการดังกล่าวได้ประกาศห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดทำการประมงครอบคลุมเนื้อที่ จำนวน 4,696 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต และตรัง เป็นระยะเวลา3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน ของทุกปี
สำหรับเครื่องมือทำการประมงต้องห้ามตามประกาศฉบับนี้ ได้แก่
(1) เครื่องมืออวนลากทุกประเภททุกขนาดที่ใช้ประกอบเรือกล
(2) เครื่องมืออวนประเภทล้อมจับทุกชนิด
(3) เครื่องมืออวนติดตาที่มีช่องตาเล็กกว่า 4.7 ซม.
สำหรับเครื่องมือยกเว้นให้ทำการประมงได้ตามประกาศฉบับนี้ ได้แก่
(1) เครื่องมืออวนล้อมจับปลากะตักทำการประมงเฉพาะในเวลากลางวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
(2) เครื่องมืออวนลากคานถ่างที่ใช้ประกอบกับเรือกล (เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเข้มีคานถ่าง หรือ อวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกล ซึ่งใช้เชือกเส้นใยประดิษฐ์เป็นสายลาก) เฉพาะในเวลากลางคืน ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น
(3) เครื่องมืออวนโป๊ะ
บทกำหนดโทษ หากมีชาวประมงรายใดฝ่าฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามทำการประมงในพื้นที่ที่ได้ประกาศปิดอ่าวฯ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ ห้าพันบาท ถึง หนึ่งหมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือทั้งปรับทั้งจำ
สำหรับการประกาศใช้มาตรการปิดอ่าวฯ ฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2557 กรมประมงได้กำหนดจัดพิธีขึ้นในวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2557 ณ บริเวณศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลฝั่งอันดามัน กระบี่ ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยจะมีการปล่อยเรือตรวจประมงทะเล ออกปฏิบัติงาน ควบคุมดูแลพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันในพื้นที่บางส่วนของจังหวัดกระบี่ พังงา ภูเก็ต และตรัง จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมพิธีปิดอ่าวฯ พร้อมงดทำการประมงด้วยเครื่องมือดังที่กล่าวข้างต้นในพื้นที่ที่กำหนด เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันดูแลทรัพยากรประมงให้กลับมาคืนความอุดมสมบูรณ์ต่อไป