กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--Siam Motors
สถาบันดนตรียามาฮ่า (สยามกลการ) ผู้นำดนตรีศึกษารายแรกของเมืองไทย เปิดเส้นทางดนตรีสู่เมือง ศรีราชา ชูหลักสูตร YAMAHA ก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน [AEC] รองรับความนิยมของคนรุ่นใหม่ที่มีความฝันและมีใจรักอยากเป็นนักดนตรีฝีมือดี พร้อมเปลี่ยนภาพลักษณ์เป็น “โรงเรียนดนตรียามาฮ่า” หรือ YAMAHA MUSIC SCHOOL
คุณประนัปดา พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด พร้อมด้วย นายณฐพล – นางนุชนรินทร์ กิตติอัมพานนท์ สองผู้บริหารโรงเรียนดนตรียามาฮ่า ศรีราชา และนายฉัตรชัย ทิมพระจ่าง ประธานสภาเทศบาลเมืองศรีราชา รวมพลังเปิดโรงเรียนดนตรียามาฮ่า ศรีราชา สาขาที่ 86 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนไทยใช้เวลาว่างในการเรียนรู้ ปูพื้นฐาน และเพิ่มทักษะการเล่นดนตรีก้าวสู่การเป็นนักดนตรีในมืออาชีพ ซึ่งการันตีหลักสูตรดนตรีจาก Yamaha Music Foundation ประเทศญี่ปุ่น นั้นมีมาตรฐานสากลและมีการคิดค้นพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนได้รับความนิยมจากนักเรียนกว่าประเทศ 40 ทั่วโลก ภายใต้ปรัชญาที่ว่า เหมาะสมกับวัย และเวลากับเด็กอายุ 3 ขวบครึ่งขึ้นไป ปัจจุบันมี โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ในเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน 93 แห่ง
โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ศรีราชา สาขาที่ 86 มั่นใจในความแข็งแกร่งของหลักสูตร“ยามาฮ่า มิวสิค เวิร์ดวาย
เอ็ดดูเคชั่น ซิสเต็ม” ที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทย พร้อมเปิดสอนหลายหลักสูตร อาทิ หลักสูตรดนตรีขั้นพื้นฐานสำหรับเด็ก Junior Music Course, เปียโน, อิเลคโทน, กีตาร์ และหลักสูตร Yamaha Popular Music ซึ่งเหมาะสมกับผู้สนใจเรียนดนตรีในระดับผู้ใหญ่ ปัจจุบัน โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ศรีราชา มีนักเรียน กว่า 350 คน ซึ่งสถาบันฯ เชื่อว่า “ดนตรี” จะทำให้เด็กๆ ที่ศรีราชา หันมาสนใจเรียนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มาลงทุนทำธุรกิจจำนวนมากในพื้นที่ศรีราชา
ที่สำคัญ สถาบันดนตรียามาฮ่า พร้อมขานรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้ไปในทิศทางเดียวกัน และก้าวสู่ความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น โดยในปี 2014 โรงเรียนดนตรีสยามกลการ ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่เป็น YAMAHA MUSIC SCHOOL หรือ โรงเรียนดนตรียามาฮ่า ตั้งแต่ต้นปีที่ ผ่านมา นั่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในเรื่องของพลังดนตรีที่ยิ่งใหญ่ และสอดคล้องกับโรงเรียนดนตรีในต่างประเทศ ที่พร้อมเดินหน้าผลักดันดนตรี ควบคู่ไปกับการพัฒนาเยาวชนไทย ให้เข้มแข็งมากขึ้น