กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--ไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็มครองอันดับหนึ่งผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจในประเทศไทย โดยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในแง่รายได้ในไตรมาสสี่ของปี 2556 ตามข้อมูลของไอดีซี บริษัทที่ปรึกษาและการวิจัยด้านไอทีชั้นนำ
รายงานยอดขายเซิร์ฟเวอร์และดิสก์สตอเรจแบบติดตั้งภายนอกรายไตรมาสในเอเชีย-แปซิฟิกของไอดีซีประจำไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 ระบุว่า ไอบีเอ็มยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์ในเมืองไทยในแง่รายได้ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 38.7%
นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดสตอเรจในแง่รายได้ด้วยส่วนแบ่งตลาด 31% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 โดยไอบีเอ็มครองอันดับหนึ่งในตลาดโดยรวมของสตอเรจในประเทศไทยมาเป็นเวลานานถึง 12 ไตรมาสติดต่อกัน ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2554 ถึงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556
“เราภาคภูมิใจกับการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจในไทยอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าโครงสร้างด้านไอทีได้กลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา จากกระแสและการหลอมรวมกันของเทคโนโลยีคลาวด์ โซเชียล โมบายล์ รวมถึงบิ๊กดาต้า และอนาไลติกส์ ไอบีเอ็มรู้สึกดีใจที่ระบบโครงสร้างด้านไอทีของเราส่วนทำให้องค์กรต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเราเรียกโครงสร้างอันชาญฉลาดนี้ว่า “สมาร์ทเตอร์ คอมพิวติ้ง” ซึ่งสรรค์สร้างสภาพแวดล้อมด้านไอทีที่มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่นด้วยระบบเซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจอัจฉริยะ ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ปกป้องการดำเนินธุรกรรม และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์” โจ ดับบลิวซี ชาน ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจระบบและเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าว “โดยตลาดในประเทศไทยเปิดรับแนวคิดสมาร์ทเตอร์ คอมพิวติ้งมานานแล้ว โดยตระหนักดีว่าโครงสร้างอันชาญฉลาดเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคการประมวลผลแบบใช้กระบวนการการเรียนรู้ (Cognitive Era)”
นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2554 บรรดาองค์กร และสถาบันต่าง ๆ ได้นำแนวคิดสมาร์ทเตอร์ คอมพิวติ้งไปปรับใช้เสริมรากฐานนวัตกรรมเพื่อการเติบโต และสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน สมาร์ทเตอร์ คอมพิวติ้งส่งเสริมศักยภาพการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ด้วยระบบคลาวด์ เข้าถึงพลังของบิ๊กดาต้า พร้อมปกป้องข้อมูลที่มีความสำคัญ สำหรับประเทศไทยเอง ความต้องการในการใช้งานภายใต้แนวคิดสมาร์ทเตอร์ คอมพิวติ้งกับส่วนไอทีมีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อปรับกลยุทธ์รองรับการลงทุนในแนวทางใหม่ ๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากการเติบโตของโมบาย โซเชียล และออนไลน์ เทคโนโลยี
นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดเมืองไทยในด้านส่วนแบ่งรายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 สำหรับเซ็กเมนต์ของตลาดเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจดังต่อไปนี้:
- ตลาดไฮเอนด์ระดับองค์กรขนาดใหญ่ (เซิร์ฟเวอร์ราคา 250,000 ดอลลาร์ขึ้นไป) ด้วยส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิต 62.2% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 28.8 เปอร์เซ็นต์)*
- ตลาดเซิร์ฟเวอร์ RISC/EPIC ด้วยส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิต 64.1% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 38.4 เปอร์เซ็นต์)*
- ส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิตสำหรับยูนิกซ์เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่ x86 อยู่ที่ 61.9% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 34.1 เปอร์เซ็นต์)*
- ตลาดเซิร์ฟเวอร์ราคา 10,000 ดอลลาร์ขึ้นไป ด้วยส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิต 54.7% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 32.5 เปอร์เซ็นต์)*
- ตลาดดิสก์สตอเรจแบบติดตั้งภายนอกระดับไฮเอนด์ระดับองค์กรขนาดใหญ่ มีส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิต 40.9% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 8.0 เปอร์เซ็นต์)**
- ตลาดดิสก์สตอเรจแบบติดตั้งภายนอกระดับกลาง มีส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิต 32.6% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 9.2 เปอร์เซ็นต์)**
- ตลาดดิสก์สตอเรจแบบติดตั้งภายนอกระดับเริ่มต้น มีส่วนแบ่งรายได้สำหรับโรงงานผลิต 26.5% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับที่สอง 9.3 เปอร์เซ็นต์)**