กรุงเทพ--15 พ.ค.--กศน.
นางกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา อธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน เปิดเผยว่า ตามที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้กรมการศึกษานอกโรงเรียนประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อร่วมกันจัดการศึกษาให้เด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งจากการประชุมประสานงานกัน ได้แบ่งกลุ่มเป้าหมายในการจัดการศึกษาในถสานพินิจทั่วประเทศ จำนวน 30 แห่ง จากการสำรวจของกระทรวงยุติธรรม ในปี 2539 ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเป้าหมายทางอายุ ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 7-14 ปี จำนวน 4,213 คน, อายุ 15-18 ปี จำนวน 19,147 คน, และอายมากกว่า 18 ปี จำนวน 231 คน 2.กลุ่มพื้นฐานการศึกษา โดยต่ำกว่า ป.1 จำนวน 2,052 คน, ป.1-ป.6 จำนวน 11,269 คน, ม.1-ม.3 จำนวน 6,640 คน, สูงกว่า ม.3 จำนวน 3,386 คน และอื่นๆ จำนวน 244 คน นอกจากนี้ ยังทราบว่ากลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในลักษณะการคุมประพฤติที่จะต้องรายงานตัวกับผู้ดูแล อีกจำนวนประมาณ 50,000. คน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้น่าที่จะต้องได้รับการศึกษาทั้งที่เป็นการศึกษาสายสามัญและสายอาชีพ
อธิบดี กศน.กล่าวว่า ในส่วนแนวทางการจัดการศึกษา ทางสถานพินิจฯ มีอยู่ 30 แห่ง มี 10 แห่ง ที่เป็นสถานที่จัดและฝึกอาชีพอยู่แล้ว ซึ่งมีความพร้อมที่จะจัดการศึกษา และขณะนี้ทางกศน.ได้ดำเนินการเปิดการเรียนการสอนสายสามัญแล้ว ส่วนสายอาชีพสถานพินิจได้ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานพื้นฐานในการจัดการศึกษาสายอาชีพ ส่วนอีก 20 แห่งที่เป็นสถานที่แรกรับยังมิได้ดำเนินการจัดการศึกษา ทางกศน.ก็จะร่วมกับกระทรวงยุติธรรมในการรีบดำเนินการจัดการศึกษาสายสามัญและสายอาชีพในระดับต่างๆ โดยเน้นในเรื่องของการพัฒนาสุขภาพจิต สร้างความอบอุ่นให้กับกลุ่มเป้าหมาย พัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียน การสอนที่เหมาะสม และอบรมชี้แจงครูผู้สอนให้มีความเข้าใจในปัญหาและอุปนิสัยของผู้เรียน โดยทางกศน.จะจัดส่งครูอาสาไปดูการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นให้แก่การศึกษา หากใครที่ไม่สามารถเรียนจบในขณะที่อยู่ในสถานพินิจและสถานแรกรับ ถ้าออกไปภายนอกก็ไม่สามารถที่จะเรียนต่อจนจบได้
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุต่ำก่า 15 ปี ตนคิดว่าจะขอกความ่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) เข้าร่วมดำเนินการ เพราะมีประสบการณ์ด้านนี้ ส่วนเด็กที่มีอายุมากกว่า 15 ปี กศน.จะเข้าไปให้การศึกษาเอง และสำหรับคนที่ยังไม่จบม.3 ทางกศน.จะจัดการศึกษาให้ทั้สายสามัญและวิชาชีพเสริม โดยจะร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม กรมสุขภาพจิต กรมประชาสงเคราะห์ กรมอาชีวศึกษา เพื่อร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติงานการจัดการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายต่อไป อธิบดีกศน.กล่าว--จบ--