กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--บีโอไอ
กระทรวงอุตสาหกรรม และบีโอไอ เตรียมเสนอรายชื่อบอร์ดบีโอไอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณา แต่งตั้งโดยเร็ว หลังจากที่ ครม. มีมติชัดเจนเห็นชอบตามข้อเสนอของกฤษฎีกา ให้สามารถตั้งบอร์ดชุดใหม่ได้ โดยไม่เข้าข่ายข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญ ในเรื่องอำนาจของคณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงยุบสภา เลขาธิการบีโอไอ มั่นใจจะสามารถอนุมัติโครงการที่คั่งค้างได้หมดภายใน 3-4 เดือนหลังตั้งบอร์ด
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 ซึ่งได้เห็นชอบตามข้อหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สามารถดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ชุดใหม่ได้ ซึ่งครม.มีมติตามข้อเสนอของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ให้สามารถแต่งตั้งบอร์ดบีโอไอได้ โดยไม่เข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญ ในการจำกัดอำนาจของคณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงยุบสภา ดังนั้น เมื่อได้รับการยืนยันมติ ครม. กระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ก็จะนำเสนอรายชื่อคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้แก่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้พิจารณาลงนามแต่งตั้งบอร์ดบีโอไอ ซึ่งจะทำให้สามารถเดินหน้าอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ ที่ได้มีผู้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนและรอการพิจารณากว่า 400 โครงการ วงเงินลงทุนกว่า 660,000 ล้านบาท
“ในเบื้องต้นบอร์ดบีโอไอชุดที่จะตั้งขึ้นใหม่จะมุ่งเน้นเฉพาะการเข้ามาเพื่อทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติโครงการเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดภาวะการชะลอการลงทุนของภาคเอกชน และให้โครงการต่างๆ ที่ยื่นขอรับส่งเสริมไว้สามารถวางแผนและเดินหน้าโครงการได้ ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน” นายประเสริฐกล่าว
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ทันทีที่มีการแต่งตั้งบอร์ดบีโอไอ ซึ่งจะเสนอให้มีการประชุมมากกว่าปกติ เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการขอส่งเสริมการลงทุนให้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถพิจารณาอนุมัติโครงการที่ค้างอยู่ได้ภายใน 3-4 เดือน
ตั้งคณะทำงานพิจารณาอีโคคาร์ 2
นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน และทุนหมุนเวียน) อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจำนวนมาก และล่าสุดได้รวมถึงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนของกลุ่มผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ในโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์ ระยะที่ 2 ) ที่มีจำนวน 10 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 138,889.8 ล้านบาท กำลังการผลิตรถยนต์รวม 1,581,000 คัน
ทั้งนี้ภายหลังจากการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนตามโครงการอีโคคาร์แล้ว หลังจากนี้บีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรมจะได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ บีโอไอ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อร่วมกันทำหน้าที่พิจารณารายละเอียดประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์ตามประกาศของการดำเนินโครงการ อาทิ เรื่องมาตรฐาน เงื่อนไขการผลิต รวมถึงเรื่องภาษีสรรพสามิต ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน และบอร์ดบีโอไอพิจารณาต่อไป
สำหรับผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 2 ประกอบด้วย ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์รายเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ ระยะที่ 1 ทั้งหมด 5 ราย ได้แก่ โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ และซูซูกิ กำลังการผลิตรถยนต์รวม 828,000 คัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 52,079.7 ล้านบาท ขณะที่เป็นการลงทุนของค่ายรถยนต์รายใหม่ จำนวน 5 ราย กำลังการผลิตรถยนต์รวม 753,000 คัน เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 86,810.1 ล้านบาท