กรุงเทพ--11 ส.ค.--สำนักงานเขตกรุงเทพ
วันที่ 8 ส.ค. 40 เวลา 13.30 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการที่อยู่อาศัยและชุมชนแออัด กทม. ร่วมกับโครงการไลฟ์ (UNDP) และเครือข่ายประชาคมเมือง (TEDNET) จัดประชุมระดมความคิดเห็นประชาคมเมือง กทม. ครั้งที่ 1 โดยมีแกนนำประชาคมเมือง 4 กลุ่มโซน (กลุ่มธนบุรี เจ้าพระยา บูรพา วังหลวง) เขตละ 2 คน รวมประมาณ 100 คน รวมประชุม ทั้งนี้เพื่อสรุปความคืบหน้าการดำเนินการ เสนอมาตรการเพื่อสนับสนุน พัฒนาองค์กรประชาคมเมือง รวมทั้งรูปแบบการประสานงานประชาคมเมืองในกทม. ในการนี้ ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกทม. พร้อมด้วย นายสมพงษ์ พัดปุย ดร.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัน ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. นายสมคาด สืบตระกูล เลขานุการผู้ว่าฯกทม. นายณรงค์ โตสมภาค ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาชุมชน ร่วมรับฟังข้อเสนอของกลุ่มประชาคมเมืองด้วย
ผู้ว่าฯ กทม.เปิดเผยว่า จากการประชุมกลุ่มประชาคมเมือง แยกตามกลุ่มโซน 4 กลุ่ม เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มประชาคมได้สรุปข้อเสนอเพื่อพัฒนาประชาคม 6 ข้อ คือ
1. ให้มีงบฯ สำหรับส่งเสริมประชาคม เบิกจ่ายได้คล่องตัว
2. ให้มีสำนักงานประชาคมในแต่ละเขต บริหารโดยประชาชน
3. ให้มีการเลือกกรรมการ ประชาคมโดยประชาชน และแต่งตั้งโดยผู้ว่าฯ กทม.
4. ให้มีการยกร่างกำหนดฐานะอำนาจหน้าที่ บทบาท รูปแบบองค์กร มีงบประมาณของประชาคมที่ชัดเจน โดยให้ตัวแทนของประชาคม เป็นผู้ร่าง เสนอ กทม.อนุมัติ
5. ให้มีการพัฒนาข้าราชการเขตให้มีความเข้าใจเรื่องประชาคม และแนวทางการทำงานสนับสนุนกลุ่มต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประชาคม
6. ให้แต่ละโซน มีคณะประสานงานประชาคม เพื่อส่งเสริมองค์กรประชาคม และร่วมมือในโครงการนโยบายของกทม.
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอทั้ง 6 ข้อ นั้น มีข้อที่ตนต้องการให้เร่งดำเนินการมากที่สุดคือ ข้อ 4 (ให้มีการยกร่างกำหนดฐานะอำนาจหน้าที่บทบาท รูปแบบองค์กร มีงบประมาณของประชาคมที่ชัดเจน โดยให้ตัวแทนของประชาคมเป็นผู้ร่างเสนอกทม. อนุมัติ) โดยให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มโซน โซนละประมาณ 3 คน ตั้งกรรมาธิการขึ้นชุดหนึ่งเพื่อยกร่าง ทั้งนี้ตนจะมอบหมายให้นายสมพงษ์ พัดปุย ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. และสำนักพัฒนาชุมชนเป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายโดยกรรมาธิการคงจะใช้เวลาในการร่างไม่เกิน 3-4 สัปดาห์ จากนั้นตนจะนำเข้าที่ประชุมคณะผู้บริหารเพื่อขออนุมัติในหลักการ ทั้งนี้เมื่องบฯ ได้รับการอนุมัติแล้ว อาจจะมีการเริ่มการจัดตั้งสำนักงานเพื่อคอยสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข้งขององค์กรต่อไป--จบ--