กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--PwC ประเทศไทย
บริษัท PwC ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Booz & Company เพื่อขยายธุรกิจที่ปรึกษาทั่วโลกอย่างเป็นทางการ หลังได้รับการอนุมัติถูกต้องตามกฎหมายให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ PwC พร้อมตั้งเป้ารุกธุรกิจบริการให้คำปรึกษา ยกระดับการแข่งขัน คุณภาพบริการและบุคลากร รวมทั้งขยายฐานลูกค้าไทย-ทั่วโลก ด้าน PwC ประเทศไทยมั่นใจ การควบรวมกิจการครั้งนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจที่ปรึกษาในไทยที่มีโอกาสเติบโตสูง เหตุภาตเอกชนต้องการที่ปรึกษาเพื่อวางกลยุทธ์ รับมือการแข่งขัน หลังเปิด AEC ปลายปี 58
เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา PwC ได้ประกาศปิดดีลอย่างเป็นทางการ ในการนำบริษัทให้คำปรึกษาชั้นนำสัญชาติอเมริกันอย่าง Booz & Company เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายบริษัท ภายหลังการควบรวมกิจการ ได้เปลี่ยนชื่อ Booz & Company เป็น Strategy& (สแตร็ดติจี้ แอนด์) โดยจะใช้ชื่อใหม่นี้ควบคู่ไปกับชื่อและแบรนด์ของ PwC
ทั้งนี้ ชื่อ Strategy&สะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งด้านที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ที่ Booz & Company นำมาสู่บริษัท และ ประโยชน์ที่ดีลนี้จะนำมาสู่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ เป็นไปตามข้อกฏหมายที่ให้บริษัทต้องเปลี่ยนชื่อหลังมีการเปลี่ยนแปลงสภาพการเป็นเจ้าของ (Change in ownership) โดยการควบรวมกิจการบริษัท Booz & Company เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2556 และผ่านการอนุมัติจากหุ้นส่วนของ Booz ในช่วงปลายเดือนธันวาคมในปีที่ผ่านมา
นาย เดนนิส แนลลี่ ประธาน บริษัท PricewaterhouseCoopers International กล่าวว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้ง PwC ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพราะจะช่วยให้บริษัทได้รับประโยชน์ในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการลูกค้า ด้านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ซึ่งภาคธุรกิจจำเป็นที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งต้องรู้เท่าทันถึงโอกาสทางธุรกิจและภัยคุกคามต่างๆ
“ด้วยความร่วมมือกันของ PwC และ Strategy&จะให้ช่วยเราตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ตรงจุด รวมทั้งยังสามารถดึงดูดคนเก่งที่เป็นทาเลนต์ในตลาดฯ และช่วยธุรกิจให้สามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับโลกได้” นาย แนลลี่ กล่าว
ด้าน นาย ซีซาร์ มัยนาร์ดี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Strategy&กล่าวว่าบริษัทมีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง PwC โดยจะนำความเชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ที่มีประวัติอันยาวนานกว่าร้อยปีมาเสริมความแข็งแกร่งงานด้านที่ปรึกษาให้แก่ PwC
“เราจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านงานที่ปรึกษาของ PwC โดยใช้ความเชี่ยวชาญของเราเพื่อยกระดับขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ตั้งแต่การพัฒนาเชิงกลยุทธ์ไปจนถึงการปฏิบัติ (Strategy-through-execution) เพราะเรามีความพร้อมทางด้านบุคลากร ทักษะ และความสามารถอันเป็นที่ยอมรับในการเข้าไปช่วยองค์กรในทุกขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ไปจนถึงผลลัพธ์ที่ออกมา”
นาย เดเร็ก คิดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท PwC South East Asia Consulting กล่าวว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการขยายตลาด และเปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขันในตลาดธุรกิจที่ปรึกษา (Consulting) ให้พัฒนาไปอีกระดับ โดยเชื่อว่าจะทำให้เราสามารถให้บริการลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลกได้อย่างครบวงจร ซึ่งหาจากที่อื่นไม่ได้ เพราะเรามีความเชี่ยวชาญในด้าน Strategy consulting ผนวกกับประสบการณ์อันยาวนานและผลงานในอดีตที่เป็นที่ยอมรับ (Proven track record) ในระดับโลก
นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) กล่าวว่า การซื้อกิจการของบริษัทในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยด้วย เพราะตลาดธุรกิจที่ปรึกษาในประเทศยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Strategy&มีจุดแข็งด้านการวางกลยุทธ์ ซึ่งสอดรับความต้องการของภาคธุรกิจไทยที่ต้องวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายปี 2558
นาย เดวิด โฮเวนเด็น ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และการจัดการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Strategy&กล่าวว่า ลูกค้ามีความต้องการผู้เชี่ยวชาญ หรือ ที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้ในการให้คำแนะนำและความช่วยเหลือด้านการวางกลยุทธ์และสามารถนำมาปฎิบัติได้อย่างแท้จริง ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่มีการแข่งขันที่รุนแรง
ทั้งนี้ นายโทนี่ โพลเทอร์ หุ้นส่วนและ Global Consulting Leader จะทำหน้าที่เป็นบอร์ดกรรมการของบริษัท PwC Strategy&โดยมีนายซีซาร์ดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอ หลังบริหารงานในตำแหน่งเดียวกันให้แก่ Booz & Company เป็นเวลากว่าสองปี
ปัจจุบัน Strategy&มีหุ้นส่วนและที่ปรึกษาอาวุโสถึง 300 คนและมีพนักงานเกือบ 3,000 คนในออฟฟิศ 57 แห่งทั่วโลก และมีรายได้กว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯและมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีทักษะให้กับ PwC ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีทักษะให้กับ PwC ที่ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 184,000 คนใน 157 ประเทศทั่วโลกและมีรายได้รวมปี 2556 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2556) ราว 3.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ