กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--ซิตี้เชน (ประเทศไทย)
'โซวิล เอ ติตัส นาฬิการะดับโมเดิร์นพรีเมี่ยม' จัดงาน “Time is Love with YaYa” ยังตอกย้ำความสำเร็จของการใช้ “ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และสานต่อความสำเร็จของแคมเปญโฆษณา “Time is Love” เน้นเรื่องความรักโรแมนติกของหนุ่มสาวผ่านความทรงจำแห่งกาลเวลา”
นางนิศากร เมสันธสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตี้เชน (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและทำการตลาดนาฬิกา โมเดิร์นแฟชั่น โซวิล เอ ติตัส เปิดเผยว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของนาฬิกาในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 45,000 ล้านบาท โดยในปี 2013 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงเมื่อเทียบกับ 4 ปีที่ผ่านมาที่ตลาดมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 7-10% ต่อปี จากปัจจัยของความผันผวนของของเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ และในปี 2014 ที่อัตราประมาณการณ์เติบโตของ GDP ของประเทศอยู่ที่ 4.0% คาดว่ามูลค่ารวมของตลาดนาฬิกาคงจะยังมีการเติบโตต่อเนื่องราว 5% เช่นเดียวกับปีที่แล้ว
กลุ่มนาฬิกา Luxury Brands ที่มีราคาขายตั้งแต่ 30,000-300,000 บาท มีอัตราการเติบโตราว 10% ต่อปี และมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 67% และมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูงและมีกำลังซื้อสูง
กลุ่มนาฬิกาแฟชั่นระดับบนหรือ Modern Fashion ที่มีราคาขายระหว่าง 10,000-30,000 บาท มีสวนแบ่งการตลาดอยู่ที่ราว 10,000 ล้านบาทหรือประมาณ 22% ซึ่งธุรกิจนาฬิกาของบริษัท ซิตี้เชนและแบรนด์ โซวิล เอ ติตัสเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มนี้และเป็นผู้จำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่พลาซ่าของห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศเป็นหลัก ในขณะที่แบรนด์อื่นๆในกลุ่มเดียวกันเน้นช่องทางการจัดจำหน่ายตลาดนาฬิกาผ่านห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปและคู่ค้ารายย่อยทั่วประเทศ
ในส่วนของผลประกอบการ นาฬิกา ของบริษัท ซิตี้เชน (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2013 มียอดขายรวม 900 ล้านบาท พบว่ามีอัตราการเติบโตที่ลดน้อยลง 10% จากปี 2012 จากปัจจัยภาพรวมที่ถดถอยทางเศรษฐกิจและความผันผวนทางการเมือง และในปี 2014 บริษัทตั้งเป้าที่จะมีการเติบโตมากขึ้นถึง 20% โดยได้นำเข้าแบรนด์นาฬิกาสวิสเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้านาฬิกา Luxury และเน้นรูปแบรนด์ดังแฟชั่นที่มีรูปแบบทันสมัย มีดีไซน์และฟังก์ชั่นที่โดดเด่น เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ และนักศึกษามหาวิทยาลัย และเข้าถึงลูกค้าสุภาพบุรุษผู้ชื่นชอบนาฬิกาแนวแอดแวนเจอร์ สปอร์ท และโมเดอร์น วินเทจ มากขึ้น
ในส่วนของแบรนด์ โซวิล เอ ติตัสเป็นผู้นำ ในกลุ่มนาฬิกาผู้หญิง Modern Fashion ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 12% หรือ 1,200 ล้านบาทต่อปี มียอดขายในปี 2013 อยู่ที่ 110 ล้านบาท โดยเติบโตลดลง10% จากปี 2012 เช่นกัน แต่ยังคงรักษาตำแหน่งผุ้นำในใจของกลุ่มผู้บริโภค จากข้อมุลของ Media Agency ยังคงครอง Share of Voice 2013 สูงสุดในกลุ่มนาฬิกาแฟชั่นด้วยกัน อันเป็นผลจาการมุ่งเน้นในการสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและเข้าถึงใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสุภาพสตรีทันสมัยวัยเริ่มต้นจากนักศึกษามหาวิทยาลัยและวัยทำงาน ผ่านแคมเปญการตลาดในเชิง Emotional & Lifestyle Marketing ด้วยเรื่องราว ความประทับใจในความรักโรแมนติกของหนุ่มสาว ผ่านกาลเวลา เพื่อให้เข้าถึงความชื่นชอบ ความสนใจ และให้แบรนด์เข้าไปอยูในใจผู้บริโภค และความลงตัวเข้ากันได้มีกาสร่วมงานกับน้องญาญ่า เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผุ้บริโภคในวงกว้างรวมถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นใหม่ ๆ
สำหรับในปี 2014 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายแบรนด์ โซวิล เอ ติตัส โดยรวมประมาณ 132 ล้านบาท เติบโต 20% ตามเป้าหมายรวมธุรกิจนาฬิกาของบริษัท โดยยังคงเดินหน้าใช้กลยุทธการตลาด ผ่าน แนวคิดและแคมเปญ “Time Is Love” และต่อสัญญากับ ญาญ่า-อุรัสยา สเปอร์บันด์ แบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้กับ “โซวิล เอ ติตัส” อีกเป็นปีที่สาม เพื่อเป็นตอกย้ำความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และตอบสนองความพึงพอใจแก่ผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น ซึ่ง “ญาญ่า” มีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นสาวรุ่นใหม่ทันสมัย เก่ง อ่อนหวาน เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส มองโลกในแง่ดี สามารถเข้าถึงง่าย และเป็น Idol ตัวอย่างของกับกลุ่มเป้าหมายที่ลงตัวกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่สุด
นอกจากนี้ แคมเปญ “Time is love” จะเน้นความแตกต่างด้วยการสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภคจนเป็นที่จดจำ Top of Mind ว่าเป็นนาฬิกาของหนุ่มสาวที่มีความรักเป็นพื้นฐาน ผ่านห้วงเวลาที่น่าจดจำประทับใจที่สำคัญต่างๆในช่วงชีวิต โดยทางบริษัทได้เพิ่มงบการตลาดและโฆษณาอีกกว่า 20% และกิจกรรมการสื่อสารทางการตลาด โฆษณา และประชาสัมพันธ์ครบวงจร โดยเตรียมออกชุดภาพยนตร์โฆษณาจากฮ่องกง ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะต่างๆ ทั้ง Social Media, Online Website, Out-of-Home Billboard และเน้นการเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนหนุ่ม-สาวรุ่นใหม่ทันสมัยที่มีอายุระหว่าง 20-45 ปี และขยายกลุ่มลุกค้าใหม่ที่เป็นกลุ่มรอบนอกกรุงเทพปริมณฑลและต่างจังหวัดที่มีการเติบโตรวดเร็วมากขึ้น
“การเลือกสรรนาฬิกาเป็นเครื่องประดับคุ่ใจ ทุกเรือนล้วนมีที่มา มีเรื่องราว ความชื่นชอบ และบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้บริโภคแต่ละคนที่แตกต่างกัน นาฬิกามิใช่เป็นเพียงเครื่องบอกเวลาเท่านั้น แต่เป็นตัวแทนของอารมณ์และตัวตนของผู้สวมใส่ เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้และสะท้อนบุคลิก ภาพลักษณ์ที่ต้องการเปิดเผยเสน่ห์เฉพาะตัว เป็น Lifestyle Marketing ที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าเช่นเดียวกับการเลือกใช้แบรนด์แฟชั่นอื่นๆ” ผจก. กล่าว
สำหรับช่องทางการจำหน่ายของบริษัท ซิตี้ เชน เน้นรุกตลาด Plaza Retail เป็นหลักซึ่งมีลูกค้าอยู่ในระดับบน ปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศทั้งหมด 92 สาขา แบ่งออกเป็นสาขาในกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัด 30% และมีแผนจะขยายเพิ่มอีก 6 สาขาภายในปี 2014-2015
นอกจากนี้ ในปี 2014 บริษัทยังได้เน้นการพัฒนาบุคลากร โดยเน้นการอบรมพนักงานขาย เทคนิคการขาย ให้คำปรึกษาและบริการหลังการขายที่ดีแก่ลุกค้าทุกท่าน โดยมีการปรับเปลี่ยนองค์กรดึงมืออาชีพเข้ามาร่วมพัฒนาบริษัท ทั้งในด้าน Marketing Communication, Training & Development และ Sales Operations อีกทั้งเตรียมแผนงานขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ผ่าน e-commerce และเพิ่มฐานลูกค้าจากสื่อ Online และเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ AEC ซิตี้เชน ประเทศไทย จะเป็นศูนย์กลางการจัดจำหน่ายในอนาคตสำหรับประเทศในกลุ่ม C, L, M, V countries (Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) ในอาเซียน และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทซิตี้เชน (ประเทศไทย) จำกัด จะได้เป็นผู้นำทางการตลาดนาฬิกาในเอเซียที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน