กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประสบการณ์อันยาวนานของบริษัทในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนกลยุทธ์ในการขยายสาขาในต่างจังหวัด และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปี 2555 ด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากวงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาวของบริษัท รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่มผู้ค้าปลีกสมัยใหม่ที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้าน ทั้งนี้ สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบันและการลดลงของรายได้ภาคเกษตรซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัดลดลงนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะในธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านได้ต่อไป พร้อมทั้งจะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดเก็บสินค้าและบริหารจัดการระบบขนส่งสินค้าในขณะที่มีการขยายสาขาโดยจะได้รับการสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญของ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100%
บริษัทสยามโกลบอลเฮ้าส์เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการค้าปลีกชั้นนำของไทยที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับบ้านซึ่งมีรูปแบบในแนวคลังสินค้า บริษัทก่อตั้งในปี 2540 โดยนายวิทูร สุริยวนากุล และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนสิงหาคม 2552 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2555 บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นกลายมาเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทโดยการลงทุนประมาณ 9,000 ล้านบาทในการซื้อหุ้นของบริษัทในสัดส่วนรวม 31.02% ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2557 ผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทประกอบด้วยตระกูลสุริยวนากุล (37.36%) และ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น (31.25%)
สาขาแห่งแรกของบริษัทอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ก่อตั้ง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2557 บริษัทมีสาขารวมทั้งสิ้น 28 แห่ง และมีพื้นที่ขายรวม 693,509 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างที่หลากหลาย รวมถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และสินค้าตกแต่งบ้านรวมแล้วประมาณ 100,000 รายการ โดยมีการจัดแต่งรูปแบบร้านในแนวคลังสินค้าขนาดใหญ่และมีพื้นที่ขายเฉลี่ยต่อสาขาอยู่ที่ 22,000 ตร.ม.
ในปี 2556 ยอดขายรวมของบริษัทเท่ากับ 14,302 ล้านบาท เติบโต 33% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ที่เปิดดำเนินการในปี 2555-2556 ในขณะที่ยอดขายจากสาขาเดิมเติบโตในอัตราลดลงที่ระดับ 1.5% ในปี 2556 ซึ่งเกิดจากกำลังซื้อของผู้บริโภคในเขตต่างจังหวัดที่ปรับตัวลดลงอันเนื่องมาจากรายได้จากผลผลิตการเกษตรที่ลดลงและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงในบางจังหวัดยังส่งผลทำให้ยอดขายของสาขาเดิมลดลงด้วย กล่าวคือ ยอดขายของสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 8.5% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 แต่กลับลดลง 5.9% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการบริโภคภาคเอกชนของไทยที่ลดลงจากที่เคยเติบโต 4.4% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 แต่กลับปรับตัวลดลง 4.5% ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายจากสาขาเดิมของบริษัทจะลดลง แต่ยอดขายรวมของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4 ยังคงเติบโต19% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เนื่องมาจากยอดขายจากสาขาใหม่ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ในระดับดีที่ 11.3% ลดลงเล็กน้อยจาก 11.6% ในปี 2555 ซึ่งสะท้อนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด มูลค่าสินค้าคงคลังของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2556 เนื่องจากความล่าช้าในการสร้างศูนย์กระจายสินค้า โดยระดับสินค้าคงคลังที่สูงนี้ส่งผลทำให้วงจรเงินสดของบริษัทมีระยะเวลานานขึ้นและยังทำให้บริษัทมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นด้วย
สถานะทางการเงินโดยรวมของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจในปี 2556 โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 1,248 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 1,619 ล้านบาทในปี 2556 แม้ว่าบริษัทจะมีระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาและความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 16.3 เท่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2556 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังคงอยู่ระดับดีที่ 37.9% ในปี 2556
บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาจำนวน 10-12 แห่งต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะนี้บริษัทกำลังพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การขยายสาขาอย่างรวดเร็วจะทำให้ระดับหนี้สินของบริษัทสูงขึ้น แต่คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 50% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (GLOBAL)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
GLOBAL172A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable