กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
โกลเบล็ก แนะลงทุนในหุ้น PDI - CK – SCC ชี้ สัญญาณทางเทคนิคฟื้นตัว เชื่อราคาหุ้นมีลุ้นไปต่อ ด้านกูรู ชี้ทองคำ ยังไม่มีปัจจัยหนุน แนะเก็งกำไรทองคำตาม กรอบที่ระดับ 1,275 – 1,330 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือ 19,590 - 20,440 บาท/บาททองคำ
บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก กรุ๊ป จำกัด ประเมินดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงสัปดาห์นี้(8 -11 เมษายน 2557)ว่า ดัชนีตลาดหุ้นทยมีการดีดตัวกลับมาต่อเนื่อง ทำ New high ในรอบ 3 สัปดาห์ ทำให้ MACD ดีดกลับขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ประกอบในช่วงกับสัปดาห์นี้จะเกิด Golden cross ดังนั้นหากดัชนีไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 1,381 จุด แนวโน้มที่จะเห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้าน ที่เส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ที่1,420 –1,421 จุด ได้ภายในเร็วๆนี้
สำหรับหลักทรัพย์ที่แนะนำลงทุน โดยอิงจากกรอบสัญญาณทางเทคนิค คือ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เนื่องจากมองว่าระดับราคาดีดกลับขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน หลังจากถูกขายทำกำไรแต่ไม่หลุดปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน ขณะเดียวกันหุ้นPDI เริ่มมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นหากราคาไม่ปรับตัวตัวลดลงไปปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน บริเวณ 11.70 – 11.60 จุด ก็เชื่อว่าโอกาสที่ราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวแตะระดับแนวต้านสำคัญที่ 12.20บาท และ 12.80 บาท ตามลำดับ
นอกจากนี้ ทางโกลเบล็ก ยังแนะนำลงทุนในหุ้น บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK โดยหากพิจารณาจากกรอบสัญญาณทางเทคนิค หุ้นราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมาทำ New high ในรอบ 3 สัปดาห์ และกำลังจะเกิดสัญญาณ Golden cross และหากระดับราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันแถวๆ 17.20 บาท โอกาสที่CK จะมีลุ้นผ่านแนวต้าน 17.90 บาท ก่อนที่จะขึ้นไปขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 18.50 บาทได้
พร้อมแนะนำลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC โดยให้แนวรับที่ระดับ424 -422 บาท ขณะที่แนวต้านให้ไว้ที่ระดับ432-434 บาท โดยมองว่าสัญญาณทางเทคนิคเริ่มกลับตัว มาทำ New high ในรอบ 1 สัปดาห์ โดยผ่านขึ้นมาปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น ประกอบกับ MACD ที่ผ่านขึ้นมายืนเหนือศูนย์ได้ ดังนั้นจึงมองว่าหากสัญญาณยังปรับตัวได้ต่อเนื่อง โอกาสที่ราคาหุ้น SCC แตะระดับแนวต้าน432-434 บาท มีความเป็นไปได้สูง
ในขณะที่แนวโน้มการลงทุนในตลาดทองคำนั้น นักวิเคราะห์โกลเบล็ก ประเมินกรอบราคาทองคำภายในสัปดาห์นี้ ไว้ที่1,275-1,330 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือ 19,590 - 20,440 บาท/บาททองคำ(อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 32.41 บาท/$) หลังราคาสามารถสร้างฐานเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 1,300 เหรียญต่อทอยออนซ์ ได้ทำให้เปลี่ยนเข้าสู่แนวโน้ม Sideway โดยในสัปดาห์นี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญมากนักทำให้ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบที่ให้ไว้
ทั้งนี้ หากพิจารณา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อนประมาณ 11.31 เหรียญต่อทอยออนซ์ หรือคิดเป็น 0.87% มาซื้อขายที่ระดับ 1,300.33 เหรียญต่อทอยออนซ์ โดยมีจุดต่ำสุดที่ 1,277.40 เหรียญต่อทอยออนซ์ และมีจุดสูงสุดที่ 1,306.55 เหรียญต่อทอยออนซ์ ราคาทรงตัวออกข้างโดยได้แรงหนุนจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ภาวะซบเซาอย่างมากในตลาดแรงงานสหรัฐเน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่เฟดยังต้องช่วยหนุนเศรษฐกิจด้วยนโยบายที่ผ่อนคลายแบบพิเศษต่อไป "สักระยะหนึ่ง" เพื่อให้ชาวอเมริกันได้กลับมามีงานทำอีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
นอกจากนี้ อีซีบียังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.25% ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ โดยในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสวนทางกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังกระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยว่า นายจ้างภาคเอกชนของสหรัฐยังคงจ้างงานเพิ่มขึ้นในจังหวะที่แข็งแกร่งเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นอีกหลักฐานบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอยู่ในจังหวะการขยายตัวที่รวดเร็วขึ้นหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็นอย่างรุนแรงในช่วงฤดูหนาว ขณะที่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 192,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 197,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ส่วนอัตราว่างงานยังคงทรงตัวอยู่ที่ 6.7% เนื่องจากมีจำนวนคนหางานเพิ่มขึ้น