กรุงเทพฯ--9 เม.ย.--IR network
ผู้ถือหุ้น บมจ. ช. ทวี ดอลลาเซียน (CHO ) อนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.015 บาท/หุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 7 พ.ค.นี้ ด้านผู้บริหารคนเก่ง “สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย”ประกาศพร้อมเดินหน้าสร้างผลงานให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน วางเป้ารายได้ปีนี้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน เผยปัจจุบันมี Backlog ในมือ อยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้เป็นรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช. ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (CHO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2556 ในอัตราหุ้นละ 0.015 บาท โดยกำหนดวันให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 24 เมษายน 2557 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 25 เมษายน 2557 โดยให้จ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557
“ผู้บริหารและทีมพนักงานทุกคน มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผลประกอบการในแต่ละปีมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด ซึ่งในปีก่อนผลประกอบการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากบริษัทขยายตลาดในประเทศมากขึ้น อีกทั้งออเดอร์จากต่างประเทศก็ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อผลประกอบการออกมาดี ทางคณะกรรมการบริษัท จึงเห็นว่าควรจะตอบแทนผู้ถือหุ้น โดยบอร์ดได้มีมติจ่ายปันผล ในอัตรา 0.015 บาทต่อหุ้น และในปีนี้ CHO พร้อมจะเดินหน้าสร้างผลงานให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายสุรเดช กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช. ทวี ดอลลาเซียน กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้ในปีนี้ เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน ซึ่งยังไม่รวมในส่วนของงานโปรเจกต์พิเศษ โดยกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้จะเน้นการขยายตลาดต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะตลาดอุปกรณ์สนับสนุนภาคพื้นดินของสนามบินใน ตะวันออกกลาง ซึ่งได้เริ่มมีผลตอบรับที่ดีมาแล้วตั้งแต่ต้นปี และตลาดในประเทศจะเน้นขยายสินค้าในกลุ่มที่ 3 คืองานบริหารโครงการ ซึ่งเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ ให้คลอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศมากขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) อยู่ประมาณ 1,100 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานจากต่างประเทศอีกมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 80% ส่วนที่เหลือ จะรับรู้รายได้ในปีถัดไป