กรุงเทพ--22 ต.ค.--อินเทล คอร์ปอเรชั่น
อินเทล คอร์ปอเรชั่น ประกาศว่าบริษัทจะเป็นรายแรกที่นำคุณสมบัติการทำงานต่างๆ เพิ่มเติมให้กับสแต๊กของเร้าท์ติ้งสวิตช์ สำหรับเครือข่ายฟาสต์อีเธอร์เน็ต เลเยอร์สาม ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าสามารถสำรองแบนด์วิธ และจัดลำดับความสำคัญให้กับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ เช่น ให้ความสำคัญกับการส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่าการค้นหาข้อมูลในเครือข่ายได้ เป็นต้น คุณสมบัติเหล่านี้ซึ่งมักถูกเรียกว่าระดับของการบริการ (Class of Service, CoS) หรือคุณภาพของการบริการ (Quality of Service, QoS) ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสัญญาณข้อมูลในเครือข่ายและลดความคับคั่งของสัญญาณข้อมูลในเครือข่ายได้ นอกจากนี้อินเทลยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Intel(r) Express 520T Switch และ Express 140T Standalone Hub ซึ่งจะเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายเครือข่ายของตนในอนาคต
"การที่อินเทลเพิ่มขีดความสามารถให้กับคุณสมบัติการทำงานทั้งที่เป็น CoS และ QoS จะทำให้ลูกค้าทั้งหลายสามารถกำหนดนโยบาย และลำดับความสำคัญให้แก่ระบบเครือข่ายของธุรกิจตนได้ในขอบเขตที่มากกว่าเครือข่ายแบบแลน ไปจนถึงเครือข่ายแบบแวนได้" นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ตัวอย่างเช่นการสนับสนุนด้าน RSVP หรือ resource reservation protocol และมัลติคาสท์ซึ่งเดิมเป็นคุณสมบัติการทำงานที่นำมาใช้ใน Intel Express 8100 Router และจะมีการนำมาใช้กับสวิตช์ในรุ่น Intel Express500 series ในไม่ช้านี้ จะช่วยให้บรรดาลูกค้าใช้งานแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดียได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ
หรือการแพร่ภาพโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่าย ก็จะสามารถสำรองแบนด์วิธของเครือข่ายไว้ได้ส่วนหนึ่งสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลแต่ละครั้งซึ่งจะช่วยพัฒนาให้การติดต่อสื่อสารทางเครือข่ายเป็นไปอย่างมีคุณภาพและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
คุณสมบัติการทำงานอื่นๆ ที่จะเพิ่มเติมเข้าไปในสวิตช์รุ่น Intel Express 500 series รวมถึงการรวมการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน (link aggregation) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความยืดหยุ่นให้เครือข่ายมีเวลาอัพไทม์เพิ่มมากขึ้น แพ็กเก็ตฟิลเตอร์ในเลเยอร์สี่ซึ่งถูกรวมไว้ในเร้าท์ติ้งสวิตช์ รุ่น Express ของอินเทลนั้นจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเครือข่ายสามารถตรวจสอบสัญญาณข้อมูลในเครือข่ายแต่ละชิ้นและทำการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้ตามค่ากำหนดในเครือข่ายที่ตั้งไว้ก่อนแล้ว
อินเทลแนะนำ Express 520T Switch และ 140T Standalone HubIntel Express 520T Switch รุ่นใหม่ อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถติดต่อเชื่อมโยงถึงกันและกันในระดับความเร็ว 10/100-เมกะบิตต่อวินาทีได้มากถึง 12 คน หรือ 12 เวิร์กกรุ๊ปภายใน สแต๊กของสวิตช์รุ่น Intel Express 500 series เพียงตัวเดียว นอกจากนี้ Express 520T Switch ยังสนับสนุนแหล่งจ่ายไฟสำรองและการเชื่อมโยงเครือข่ายแบบซ้ำซ้อน (redundant power) ซึ่งช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะใช้งานแอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญต่อธุรกิจและเข้าไปทำงานในเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง
"ลูกค้าของเราบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการโซลูชั่นแบบอุปกรณ์เดียวที่ใช้ได้กับทุกระบบ" นายเอกรัศมิ์กล่าว "สิ่งที่พวกเขาต้องการคือให้ส่วนประกอบพื้นฐานต่างๆสามารถนำมาปรับขยายขนาดได้ง่ายในราคาไม่แพงและต้องการปรับเปลี่ยนเครือข่ายของพวกเขาได้ตามความต้องการ"
Intel Express 140T Standalone Hub รุ่นใหม่ของอินเทล ออกวางจำหน่ายทั้งแบบเวอร์ชั่นสำหรับใช้กับ 16 และ 24 พอร์ตและมีการตรวจจับสัญญาณโดยอัตโนมัติ (autosensing) ด้วยความเร็ว 10/100 เมกะบิตต่อวินาทีในแต่ละพอร์ต ความจุของพอร์ตที่เพิ่มขึ้นและราคาที่เหมาะสมในระดับราคาเพียง 42 เหรียญต่อพอร์ต (ราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา) จัดเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้าที่ต้องการออกแบบและขยายเครือข่ายของตน เช่น ปัจจุบัน ลูกค้าสามารถเชื่อมโยง Express140T Standalone Hub เข้ากับพอร์ตตัวหนึ่งในสวิตช์การทำงานประเภทเวิร์กกรุ๊ป เช่นสวิตช์รุ่น Express 510T ของอินเทลได้ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มการติดต่อในเครือข่ายให้มากขึ้นกว่าเดิมได้ในราคาไม่แพง นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถจัดการฮับได้โดยการมองจากจอ LED ที่เข้าใจได้ง่าย และสามารถติดตั้งกับตู้ rack และซ้อนต่อกันได้ ซึ่งจะทำให้ติดตามดูการทำงานและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
โปรแกรม Intel Device View เวอร์ชั่น 2.0 Intel Device View ช่วยทำให้การติดตั้ง กำหนดค่าสถาปัตยกรรมเฉพาะและจัดการกับบรรดาฮับสวิตช์และเร้าท์เตอร์ที่นำมาจัดการได้ และเป็นผลิตภัณฑ์ในสายตระกูล Express ของอินเทลเป็นไปได้อย่างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่นี้มีหน้าจออินเตอร์เฟสตามปกติ ไม่ว่าจะเข้าถึงตัวซอฟต์แวร์ผ่านทางเว็บ** หรือโปรแกรมวินโดวส์* และยังนำเสนอวิซาร์ดและกราฟิก ที่มีลักษณะสร้างสรรค์มาก พร้อมมีเครื่องมือใหม่ๆสำหรับการจัดการกับคุณสมบัติการควบคุมเครือข่ายแบบล่าสุดที่พบในฮับรุ่น Intel Express 500 Series โปรแกรม IntelDevice View ช่วยทำให้ลูกค้าสามารถติดตั้งและดูแลอุปกรณ์อินเทลของตนได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นจากเครื่องพีซีที่มีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายเครื่องใดก็ได้ จึงช่วยลดความจำเป็นในการที่จะต้องนำตัวซอฟต์แวร์มาติดตั้งที่คอมพิวเตอร์แต่ละจุดและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น โปรแกรม Intel Device View ยังผ่านเข้าไปในโปรแกรม HP Open View Network Node Manager* forWindow NT* ได้อีกด้วย
สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ : คุณเพชราภรณ์ เจริญนิพนธ์วานิช อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (66 2) 654-0654 petch.charoennibhonvanich@intel.com ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอินเทลได้ที่เว็บไซต์ http://www.intel.com/th/thai-- จบ--