กรุงเทพฯ--16 เม.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองปัญหาการเมืองส่งผลแรงต่อเศรษฐกิจไทยใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย ครึ่งปีแรกโตเพียง 0.8% การใช้จ่ายครัวเรือน ภาครัฐ การลงทุนของไทย นักท่องเที่ยวหดตัวหมด ชี้เศรษฐกิจไทยยังเหนื่อยหนักต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกอย่างเดียว ครึ่งปีหลังหวังพึ่งการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจต่างประเทศฟื้น แต่ต้องระวังเงินเฟ้อเพิ่ม
ดร.เชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยือเยื้อได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างแรง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อการใช้จ่ายในประเทศในไตรมาสแรก ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ภาครัฐ การลงทุนรวมและนักท่องเที่ยวต่างประเทศอยู่ในภาวะที่หดตัวทั้งหมด ขณะที่การส่งออกขยายตัวใกล้เคียง 0% โดยเศรษฐกิจไตรมาสแรก ปี 2557 เทียบกับไตรมาสสี่ ปี 2556 อยู่ที่ -1.8% แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2556 จะขยายตัวประมาณ 0.7% โดยการหดตัวจากไตรมาสก่อนหน้าดังกล่าว สะท้อนถึงความเสี่ยงภาวะถดถอยที่เศรษฐกิจไทยเผชิญ
สำหรับเศรษฐกิจไตรมาสสอง 2557 ประเด็นการเมืองจะยังเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยภาวะเศรษฐกิจยังน่าจะฟื้นตัวอย่างยากลำบาก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายในประเทศ และการลงทุนโดยรวมยังมีโอกาสหดตัว การส่งออกน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าไตรมาสแรก ซึ่งจะเป็นแรงหนุนอย่างเดียวต่อเศรษฐกิจไทย แต่ยังไม่สามารถชดเชยภาพด้านลบของตัวเลขอื่นได้ทั้งหมด ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสสองน่าจะอยู่ที่ 0.9% ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานของเศรษฐกิจไทย
ในครึ่งปีหลัง 2557 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2556 ที่มีฐานที่ต่ำ โดยหากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลาย การส่งออกฟื้นตัวมากขึ้นจากทิศทางเศรษฐกิจของคู่ค้าสำคัญที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ อย่างไรก็ตามบรรยายกาศการใช้จ่ายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนอาจจะสูงขึ้น และเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากการปรับค่าแรง ค่าสาธารณูปโภคในช่วงท้ายปีจะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินในเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ในขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ที่ 3% และทั้งปีจะโตเฉลี่ยประมาณ 1.8%
http://www.youtube.com/watch?v=OCiHTjvYPN0&feature=youtu.be