กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--majoradvertising
ยูโรเปี้ยนฟู้ด เดินกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ดึงทีมแมนยูฯ สร้างภาพลักษณ์สินค้า หวังขยายฐานผู้บริโภค กระตุ้นยอดขาย และสร้างภาพสินค้าแบรนด์อินเตอร์ พร้อมรีแบรนด์ขนมคัสตาร์ดเค้ก เป็น "ยูโร เค้ก" หนีเพื่อนบ้านก๊อบปี้ มั่นใจ 3 ปีโตต่อเนื่องปีละ 20% หลังเป็นเจ้าแรกของวงการขนมที่สนับสนุนกีฬาอินเตอร์
นายณัฐพล เวชากร กรรมการ บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนม อาทิ เบเกอรี่, เวเฟอร์ และเยลลี่ เป็นต้น เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในประเทศไทย, เวียดนาม, เมียนมาร์, กัมพูชา และลาว เป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่ง ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมาจนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2560 เพื่อเป็นการยกระดับแบรนด์สินค้าของบริษัทให้มีความเป็นสากล และขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้กว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้บริษัทได้เป็นผู้สนับสนุนกีฬาภายในประเทศ อาทิ วอลเล่ย์บอลชายหาด ซึ่งการเป็นสปอนเซอร์ของแมนยูฯ ในครั้งนี้ ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้สินค้ามีความเป็นอินเตอร์มากขึ้น และยังสร้างแบรนด์ไปถึงแฟนคลับของแมนยูฯ ได้ด้วย ซึ่งใน 5 ประเทศมีจำนวนผู้ที่เป็นแฟนเพจของแมนยูฯ มากถึง 55 ล้านคน และถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตขนมจะเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ จากปกติจะเป็นสินค้าประเภทเครื่องดื่มเป็นหลัก ขณะเดียวกันบริษัทได้รีแบรนด์ขนมยูโร คัสตาร์ดเค้กใหม่ เป็นยูโร เค้ก พร้อมกับออกรสชาติใหม่มาทำตลาด และกล่องของขนมจะมีภาพของนักฟุตบอลทีมสโมสรแมนเชนเตอร์ฯ ด้วย"
นอกจากนี้ การปรับภาพลักษณ์ใหม่และมีการใช้ภาพและสัญลักษณ์ทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ฯ จะช่วยในเรื่องการสร้างความแตกต่างของสินค้าที่ลอกเลียนแบบของบริษัทได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทพบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยการผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์เหมือนของบริษัทออกวางจำหน่ายตามแนวชายแดนและประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าการปรับภาพลักษณ์ใหม่ครั้งนี้จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวลงได้ด้วย โดยนอกจากสินค้ากลุ่มยูโร คัสตาร์ดเค้กแล้ว บริษัทได้นำสัญลักษณ์และภาพนักฟุตบอลทีมแมนยูฯ ไปใช้กับขนมช็อกโก้ พายของบริษัทเป็นกลุ่มที่ 2 ด้วย
ขณะเดียวกัน จากการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุน บริษัทยังสามารถนำภาพนักฟุตบอลรวมถึงตราสัญลักษณ์ของทีมมาใช้สำหรับสินค้าและของพรีเมียม เพื่อใช้ในกิจกรรมการตลาดได้ตลอดระยะเวลาการเป็นผู้สนับสนุนด้วย ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมจัดแคมเปญการตลาด ทั้งกับกลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่ปัจจุบันช่องทางร้านค้าเทรดดิชันนัล มีอยู่กว่า 1.5 แสนร้านค้า ส่วนช่องทางโมเดิร์นเทรด ที่บริษัทจำหน่ายสินค้าผ่านทั้งช่องทางห้างซูเปอร์สโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และคอนวีเนียนสโตร์ บริษัทก็เตรียมจัดแคมเปญการตลาดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
นายณัฐพลกล่าวอีกว่านอกจากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทยังคาดหวังว่าการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนทีมฟุตบอลในครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้บริษัทมียอดขายที่เติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยคาดหวังว่าในช่วงระยะเวลาการเป็นผู้สนับสนุนจะมียอดขายเติบโตในอัตรา 20% ทุกปี จากปีที่ผ่านมามียอดขาย 5 พันล้านบาท ซึ่งปกติการเติบโตในภาวะเศรษฐกิจดีจะอัตรา 15-20% แต่หากเป็นภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเช่นปัจจุบันจะเติบโตในอัตรา 10-15% สำหรับปัจจุบันบริษัทมียอดขายจากต่างประเทศ 15% ส่วนในปีนี้คาดว่ายอดขายจากต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วน 20%
"ด้านงบประมาณการตลาดในปีนี้บริษัทใช้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 30% ซึ่งจะมุ่งเน้นในด้านบีโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก พร้อมกับการจัดกิจกรรม ณ จุดขาย และกิจกรรมที่ร้านจำหน่าย กระตุ้นยอดขายทั้งจากร้านค้าและจากผู้บริโภค"