กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--สนพ.
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สนับสนุนงบประมาณ 41.9 ล้านบาท จัดตั้งศูนย์เผยแพร่อนุรักษ์พลังงานภาคอุตสาหกรรมครอบคลุมทั่วประเทศ หวังกระตุ้นผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้เล็งเห็นถึงโอกาสและความสำคัญในการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรม ทั่วประเทศ มีจำนวนมากกว่า 130,000 แห่ง ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่อาจไม่ได้ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการประหยัดพลังงานมากนัก อีกทั้งในภาคอุตสาหกรรมมีบุคลากร ที่เกี่ยวข้องจำนวนมากตั้งแต่ผู้บริหารไปจนถึงพนักงานสายการผลิต ซึ่งส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และจิตสำนึกในการอนุรักษ์พลังงาน ดังนั้น การกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีความรู้และตระหนักถึงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมพัฒนาไปสู่การลดการใช้พลังงาน และลดต้นทุนด้านพลังงานลงได้
จากปัญหาดังกล่าว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงสนับสนุนงบประมาณจำนวน 41.9 ล้านบาท ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์เผยแพร่แนวทางการอนุรักษ์พลังงาน ในภาคอุตสาหกรรม โดยจัดตั้งศูนย์ฯ หลัก 1 แห่ง และจัดตั้งศูนย์ฯ ย่อย 18 แห่ง กระจายตามกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมกันนี้ ยังได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ความรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลอนุรักษ์พลังงานผ่านสื่อต่างๆ 5 ช่องทาง ได้แก่ 1.ศูนย์กลางการเผยแพร่ความรู้ และเครือข่ายในพื้นที่ 2.โทรทัศน์ และโทรทัศน์เคเบิลท้องถิ่น 3.วิทยุและวิทยุชุมชน 4.หนังสือพิมพ์และสื่อสิ่งพิมพ์ท้องถิ่น และ5.เว็บไซต์ เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่ ได้นำไปเป็นข้อมูลในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
“การจัดตั้งศูนย์เผยแพร่แนวทางการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรมครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างศูนย์ฯ ผู้ประกอบการ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งคือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาศักยภาพด้านการอนุรักษ์พลังงานและสร้างจิตสำนึกให้กับเจ้าหน้าที่ของภาคอุตสาหกรรมให้ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน และเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขัน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเกินกว่าร้อยละ 20 ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารผ่านศูนย์ฯ ได้นำความรู้ไปปฏิบัติใช้งานได้จริง และเชื่อว่าในอนาคตโครงการดังกล่าวจะขยายเป็นเครือข่ายใหญ่ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างครอบคลุม”นายเสมอใจ กล่าว