กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้ เวลธ์ ชี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่น-เอเชียเหนือเติบโตสดใส แนะจับจังหวะลงทุนช่วงตลาดหุ้นปรับฐาน ชี้ปัจจัยกดดันเรื่องความตึงเครียดในยูเครน และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ เริ่มผ่อนคลาย พร้อมรับผลดีเศรษฐกิจโลกฟื้นหนุนเศรษฐกิจโตแข็งแกร่ง
นายคมศร ประกอบผล นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทิสโก้ เวลธ์ (Mr.Komsorn Prakobphol, Senior Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงนี้ ยังคงแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะในตลาดหุ้นญี่ปุ่น และเอเชีย (จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้) เนื่องจากเศรษฐกิจมีสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปที่ Valuation ของตลาดหุ้นซื้อขายที่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปมากแล้ว อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญกับความผันผวน จากValuationที่แพง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต และ Biotech ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงอีก
โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่น แม้ดัชนีจะมีการปรับตัวลดลงไปที่จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ค่าเงินเยนมีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง แต่ทิสโก้ เวลธ์ มองว่า การปรับฐานรอบนี้เป็นจังหวะในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวลงไปอีกเริ่มมีจำกัดแล้ว เพราะค่าเงินเยนที่แข็งค่าใกล้ถึงจุดต่ำสุดและน่าจะกลับมาอ่อนค่าได้ เนื่องจาก 1) ความตึงเครียดของสถานการณ์ในยูเครนผ่อนคลายลง ช่วยลดความต้องการการถือครองเงินเยนเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย 2) แนวโน้มการขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ (Fed Funds Rate) และ 3) ตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเร่งตัวขึ้นในเดือน ก.พ. เป็น 1.5% จาก 1.4% ในเดือน ม.ค. อีกทั้งคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มภายในเดือน ก.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และคาดการณ์การเติบโตของกำไรที่โดดเด่นถึงกว่า 20% ในปีนี้ ดังนั้นจึงยังคงแนะนำ Overweight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเหนือ มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ 1) ความคาดหวังของตลาดต่อนโยบายลงทุนภาครัฐและการผ่อนคลายทางการเงินของจีน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสแรก โดยนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อ เฉียง ได้มีแถลงการยอมรับว่านโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและความพยามในการชะลอการปล่อยกู้ ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวมากกว่าที่คาด และพร้อมที่จะเร่งลงทุนโครงการภาครัฐ เช่น โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนน รถไฟ และการบริหารจัดการน้ำ ในภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน และการเร่งสร้างที่อยู่อาศัย (Social Housing) เพื่อเร่งพัฒนาความเป็นเมืองตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวบรรลุเป้าหมายที่ 7.5% ในปีนี้
2) ตัวเลขส่งออกของไต้หวันและเกาหลี เริ่มกลับมาขยายตัว หลังจากที่หดตัวในเดือน ม.ค. เนื่องจากผลของเทศกาลตรุษจีนที่หมดไป และการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากสภาพอากาศที่หนาวผิดปกติด้วยปัจจัยบวกที่ได้กล่าวมาข้างต้น และ P/E Gap ระหว่างตลาดสหรัฐฯ และตลาดเกิดใหม่ ซึ่งกว้างที่สุดในรอบ 8 ปี และเริ่มเห็นการไหลออกของเงินลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่บางประเทศที่พื้นฐานเศรษฐกิจดี นอกจากนี้เชื่อว่าสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออกจะขยายตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงฤดูหนาว ซึ่งทำให้เกิด Pending Demand ในสินค้านำเข้าหลายชนิด และค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากการชะลอ QE และทิศทางการขึ้นดอกเบี้ย Fed Funds Rate ในช่วงต้นไตรมาส 2 ของปีหน้า จึงยังคงแนะนำ Overweight ตลาดหุ้นเอเชียเหนือ