กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--IR PLUS
“อิชิตัน กรุ๊ป” มั่นใจ เข้าเทรดวันแรกหุ้น ICHI ได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนอย่างอบอุ่น หนุนราคายืนเหนือจองได้สำเร็จ จากธุรกิจมีทิศทางโตโดดเด่น ความสามารถในการควบคุมต้นทุนและทำกำไรในอัตราสูง เชื่อมีนักลงทุนตามเก็บต่อในกระดานเพื่อหวังลงทุนยาว
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยถึงการซื้อขายหุ้น ICHI วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 21 เมษายน 2557 มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 13 บาทต่อหุ้นได้ เหตุเพราะธุรกิจชัดเจนมีความใกล้ชิดผู้บริโภค ประกอบกับการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวที่มีทิศทางการเติบโตโดดเด่น ภายในเวลาเพียง 2 ปี สามารถก้าวขึ้นสู่ผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มอันดับ 1 ในปี 2556 มีส่วนแบ่งสูงถึง 42%
อิชิตันให้ความสำคัญในประสิทธิภาพการทำกำไรในอัตราสูง จากการควบคุมต้นทุนการผลิตและบริหารงบประมาณการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2556 มีอัตรากำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 14% และคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรเบื้องต้นจะมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามสัดส่วนการปรับลดการว่าจ้างผลิต (OEM) ที่เดิมมีสัดส่วน 25% และกำลังจะลดลงเนื่องจากโรงงานเฟส 2 จะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/2557 และจะส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตแบบขวดเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านขวดต่อปีและ 200 ล้านกล่องต่อปี (จากเดิม 600 ล้านขวดต่อปี และ 200 ล้านกล่องต่อปี) บริษัทยังมีแผนเดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อมการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในการลงทุน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในอนาคต
สำหรับผลประกอบการประจำปี 2556 อิชิตันมีรายได้จากการขาย 6,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,577ล้านบาท (เติบโต 65.96 %) มีกำไรสุทธิ 884 ล้านบาท (ไม่รวมรายการจากอุทกภัยและการดำเนินงานที่ยกเลิก) เพิ่มขึ้น 578 ล้านบาท (เติบโต 188.89%)
“ผมมั่นใจว่าหุ้น ICHI จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนจนยืนเหนือราคาจอง ส่วนหนึ่งเชื่อว่าราคาขาย IPO 13 บาทเป็นราคาที่น่าสนใจ โดยราคาดังกล่าวคิดเป็นส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 36% อีกทั้งได้รับความสนใจจากนักลงทุนมียอดจองหุ้นจนล้นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้อิชิตันมีนโยบายจะจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทำให้เข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อลงทุนหวังผลตอบแทนในระยะยาว ที่สำคัญที่สุดคือทีมบริหารมั่นใจหลังเข้าทำการซื้อขาย ICHI จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง” คุณตัน กล่าว
คุณตัน เสริมว่า กลุ่มตนเองและคุณอิง ภาสกรนที คือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมรายใหญ่สุด มีสัดส่วนการถือหุ้น 60.4% ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปริมาณหุ้นที่ต้อง silent ช่วง Silent Period ขั้นต่ำ 55% โดยหุ้นของกลุ่มตนเองและคุณอิง ภาสกรนที 51.0% ติด Silent Period ถูกห้ามขายเป็นระยะเวลา 1 ปี ส่วนอีก 4% ที่เหลือที่ติด Silent Period เป็นของผู้บริหารท่านอื่น ซึ่งกลุ่มตนเองและคุณอิงและผู้บริหารท่านอื่นมีความตั้งใจจะถือหุ้นทั้งหมดในระยะยาวและไม่มีแผนจะลดสัดส่วนการถือหุ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ICHI จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 23.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1.3 พันล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 1 พันล้านบาท เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 3,900 ล้านบาท จะนำไปขยายโรงงานเฟส 2 และเป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจจำนวน 1,400 ล้านบาท ชำระหนี้เงินกู้กรรมการและสถาบันการเงิน จำนวน 2,500 ล้านบาท