กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี
พร้อมมิตร โปรดักชั่น และ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล สู่บทสรุปของอภิมหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นอิงประวัติศาสตร์เรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งสยามประเทศจาก “องค์ประกันหงสา” ปฐมบทของตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สู่ “ยุทธหัตถี” มหาศึกแห่งประวัติศาสตร์ เนรมิตโปรดักชั่นงานสร้างสุดอลังการถ่ายทอดตำนานการศึกสงครามกู้ชาติและปกป้องผืนแผ่นดินในประวัติศาสตร์ชาติไทยของ “องค์ดำ-สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” กษัตริย์นักรบที่คนไทยเคารพรักและศรัทธามากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
ในปีพ.ศ.2129 พระเจ้านันทบุเรงทรงแค้นเคืองที่ต้องปราชัยต่อสมเด็จพระนเรศฯอย่างย่อยยับ ทั้งต้องเสียไพร่พลและพระสิริโฉม จึงระบายความแค้นนั้นไปที่องค์พระสุพรรณกัลยา เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชาพระราชบิดาทราบความก็ให้โทมนัสด้วยสำนึกว่าชะตากรรมของพระราชธิดาและแผ่นดินอยุธยาที่ถูกกระทำการย่ำยีก็ด้วยเพราะพระองค์ทรงแปรพักตร์ไปเข้าข้างศัตรู จนตรอมพระทัยเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศฯจึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติครองกรุงศรีอยุธยาสืบต่อจากพระราชบิดา
ข่าวการผลัดแผ่นดินของอยุธยารู้ไปถึงพระเจ้านันทบุเรง พระองค์สำคัญว่าราชอาณาจักรสยามจะไม่เป็นปกติสุขเป็นช่องชวนชิงเชิงจึงโปรดให้มังสามเกียดอุปราชเจ้าวังหน้ากรีฑาทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาอีกคำรบ ข้างสมเด็จพระนเรศฯทรงโปรดให้พระราชมนูแต่งพลเป็นทัพหน้าขึ้นไปดูกำลังข้าศึกถึงหนองสาหร่าย ทัพหน้าพระราชมนูปะทะเข้ากับทัพพม่าถึงขั้นตะลุมบอน แต่กำลังข้างพระราชมนูน้อยกว่าจึงแตกพ่ายถอยลงมาเป็นอลหม่าน สมเด็จพระนเรศฯทราบความจึงออกอุบายให้ทัพข้าศึกไล่เตลิดลงมาจนเสียกระบวนแล้วจึงทรงนำกำลังออกยอทัพข้าศึก ครั้งนั้นช้างทรงของสมเด็จพระนเรศฯ นามเจ้าพระยาไชยานุภาพ และช้างทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถคือเจ้าพระยาปราบไตรจักรต่างตกน้ำมัน วิ่งร่าเบกพลฝ่าเข้าไปในทัพพม่ารามัญกลางวงล้อมข้าศึกและหยุดอยู่หน้าช้างพระมหาอุปราชา สมเด็จพระนเรศฯ จึงประกาศท้าพระมหาอุปราชแห่งหงสาให้ออกกระทำยุทธหัตถีเป็นพระเกียรติยศแก่แผ่นดิน ด้วยขัตติยมานะพระมหาอุปราชาก็ไสพระคชาธารออกทำคชยุทธด้วยสมเด็จพระนเรศฯ ขณะที่มังจาปะโร พระพี่เลี้ยงองค์สมเด็จพระมหาอุปราชได้ออกทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระเอกาทศรถสัประยุทธ์กันเป็นสองคู่ สู่มหาศึกคชยุทธ์ที่มีแผ่นดินเป็นเดิมพัน
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี พร้อมประจักษ์ทุกสายตาผองไทยทั้งปฐพี 29 พฤษภาคม 2557 นี้
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พันโทวันชนะ สวัสดี)
“ข้าจะสู้ศึกหงสาวดี จนกว่าอริราชศัตรูจะพ่ายสิ้น ข้าจะไม่ยอมให้พม่ารามัญคืนความเป็นใหญ่เหนืออโยธยาอีกเป็นอันขาด”
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้แสดงพระปรีชาสามารถจนเป็นที่ประจักษ์มากที่สุดในศึกครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะความสามารถการคิดอ่านเป็นเลิศในกลเกมวางแผนการรบ รวมไปถึงอัจฉริยภาพและความเด็ดเดี่ยวในฐานะผู้นำที่ปกครองบริหารแผ่นดินให้คงความเป็นไทยเสมอมา ในขณะเดียวกันก็จะได้เห็นสายใยความผูกพันของพระนเรศวรกับสหายศึกที่เติบโตมาด้วยกันอย่างพระราชมนู และความรักที่มีต่อพระมเหสีอย่างมณีจันทร์
กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษกับการถ่ายทอดชีวิตและตัวตนของกษัตริย์นักรบไทยอันเป็นที่รักอย่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราช คงยากที่จะหานักแสดงคนใดที่จะลบภาพของ ผู้พันเบิร์ด - พันโทวันชนะ สวัสดี ไปได้ ผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดการแสดงที่สมบทบาท และการสื่อให้ทุกคนได้รู้จักอีกแง่มุมหนึ่งของสมเด็จพระนเรศวรได้อย่างสนิทใจ
มณีจันทร์ (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ)
สตรีผู้เป็นดั่งดวงแก้วของพระนเรศวร ผู้อยู่เคียงข้างและคอยดูแลพระองค์เสมอมา แม้กระทั่งในยามสุขและยามศึก จนเรียกได้ว่าเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่มีอิทธิพลต่อพระราชดำริของพระนเรศวรมากกว่าผู้ใด ภายหลังการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มณีจันทร์ ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นพระมเหสี
แอฟ - ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ถ่ายทอดความเป็นพระมเหสีของกษัตริย์ผู้หาญกล้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งกิริยาอันอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความงดงามเสมือนหนึ่งเจ้านางชั้นสูงที่มีชีวิตอยู่จริงในครั้งนั้น
พระราชมนู หรือ บุญทิ้ง (นพชัย ชัยนาม)
“นับแต่ชาตินี้และทุกชาติไป ไอ้ทิ้งจะขอเกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร จะพลีกายถวายตัวเป็นข้าใต้เบื้องพระยุคลบาททุกชาติภพ”
ชะตากรรมที่ดำเนินต่อของพระสหายคู่ใจที่ร่วมกรำศึกใหญ่น้อยเคียงบ่าเคียงไหล่กับสมเด็จพระนเรศวรมาทั้งชีวิต หลังจากพลาดท่าเสียทีถูกพม่าข้าศึกจับไปเป็นเชลยในภาคที่แล้ว ก่อนจะกลับมาออกรบในฐานะทหารเอกได้อีกครั้ง สะท้อนถึงการแสดงออกของความจงรักภักดี อันเต็มไปด้วยความเสียสละและทุ่มเทชีวิตให้กับพระนเรศวรอย่างหาผู้ใดเทียบได้
ปีเตอร์ - นพชัย ชัยนาม กลับมาพร้อมกับการแสดงอันลุ่มลึก แต่เต็มไปด้วยพลัง ทั้งฉากรบและฉากอารมณ์ ซึ่งถือเป็นตัวละครสำคัญที่สร้างเสน่ห์ให้กับภาพยนตร์และทำให้ผู้ชมหลงรักมากที่สุดตัวละครหนึ่งทีเดียว
เลอขิ่น (ทราย เจริญปุระ)
เธอทุ่มเทชีวิตและหัวใจให้กับการรบดุจดั่งชายอกสามศอก แม้กายจะเป็นหญิง แต่เลือดนักสู้ของ เลอขิ่น หาได้ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใดในสนามรบ ทั้งความภักดีที่มีต่อสมเด็จพระนเรศวร และความรักที่มีต่อพระราชมนูที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ถึงขนาดลักลอบเข้าไปยังค่ายหงสาเพื่อสืบหาว่าพระราชมนูจะเป็นตายร้ายดีเยี่ยงใด
อีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันให้กับภาพยนตร์ จากการแสดงแบบทุ่มสุดตัวของนักแสดงหญิงมากฝีมืออย่าง ทราย เจริญปุระ ทั้งฉากแอคชั่นท่ามกลางศึกสงคราม จับดาบฟาดฟันศัตรูยิงธนูขี่ม้า รวมไปถึงฉากที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกด้านความรักอย่างเข้มข้น